ความรับผิดของผู้ให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งความรับผิดของนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้สินบน บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176 (เดิม อยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและราบปรามการทุจริต พ.ศ. (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 มาตรา 123/5)
มาตรา 176 กำหนดว่า “ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ เพื่อจูงใจให้กระทำการ
ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลใดและกระทำไป เพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลนั้น โดยนิติบุคคลดังกล่าวไม่มีมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดนั้น นิติบุคคลนั้นมีความผิดตามมาตรานี้ และต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งเท่า แต่ไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือประโยชน์ที่ได้รับ
นิติบุคคลตามวรรคสอง ให้หมายความถึงนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลตามวรรคสอง ให้หมายความถึงผู้แทนของนิติบุคคล ลูกจ้าง ตัวแทน บริษัทในเครือ หรือบุคคลใดซึ่งกระทำการเพื่อหรือในนามของนิติบุคคลนั้น ไม่ว่าจะมีหน้าที่และอำนาจในการนั้นหรือไม่ก็ตาม”
(ดาวน์โหลดพ.ร.ป. ฉบับเต็ม ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/052/1.PDF)
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกประกาศฯ เพื่อเป็นแนวทางให้นิติบุคคลกำหนดมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ โดยประกาศดังกล่าวได้กำหนดหลักการ 8 ประการที่นิติบุคคลควรทำไปใช้กำหนดมาตรการควบคุมภายในเพื่อป้องกันการให้สินบน รวมทั้งให้สำนักงาน ป.ป.ช จัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาแก่นิติบุคคล และให้จัดทำคู่มือแนวทางกำหนดมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสม นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวยังให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการดำเนินการเพื่อติดตามประเมินผลการจัดให้มีมาตรการควบคุมภายในดังกล่าวได้ โดยจะเป็นการติดตามเชิงบวก เชิงส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ หรือเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุง หรือเก็บข้อมูลเพื่อใช้เป็นแนวทางแก่นิติบุคคลหรือหน่วยงานอื่น
(ดาวน์โหลดประกาศฯที่ https://www.nacc.go.th/abas/?d=frontend&c=laws&id=1)
บทบัญญัติตามมาตรานี้ใช้บังคับกับนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย อีกทั้งยังครอบคลุมนิติบุคคลทุกประเภท ได้แก่ ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน รวมถึงนิติบุคคลทุกขนาด ทั้งบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ปัจจุบัน ได้มีการปรับปรุงเนื้อหาคู่มือดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2561 และคู่มือมีทั้งหมด 4 ภาษา (ไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน)
สามารถดาวน์โหลดได้ที่หน้าหลักของเว็บไซต์www.nacc.go.th/abas หรือ หน้าหลัก>ศูนย์รวมข้อมูล> เอกสารและเครื่องมือของ ป.ป.ช. https://www.nacc.go.th/abas/?d=frontend&c=resource&id=1