จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 327
สำนักงาน ป.ป.ช. หนุนผลงานวิจัยเรื่อง แนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการทุจริต: ศึกษากรณีรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด ชี้ การนำเทคโนโลยีตรวจชั่งรถบรรทุกแบบติดตั้งที่ผิวถนน (Weigh-in-motion, WIM) และแบบติดตั้งไว้ใต้สะพาน (Bridge Weigh-in-motion, B-WIM) ช่วยลดดุลพินิจ ลดเสี่ยงทุจริตได้ อีกทั้ง มีความเที่ยงตรง และแม่นยำ สามารถใช้บันทึกข้อมูลภาพถ่ายและค่าน้ำหนักที่ส่งมายังศูนย์ควบคุมเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินนอกจากการสูญเสียงบประมาณจำนวนมากทุกปีในการซ่อมแซมและบำรุงถนนแล้ว ยังเป็นสาเหตุของความเสียหายในมิติอื่นๆ อีก เช่น เสี่ยงอันตรายกับการเกิดอุบติเหตุบนท้องถนน เพื่อป้องกันปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด ภาครัฐจึงกำหนดให้มีการควบคุมน้ำหนักบรรทุกโดยอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2549) ที่ให้อำนาจผู้อำนวยการทางหลวงออกประกาศห้ามใช้ยานพาหนะบนทางหลวง โดยที่ยานพาหนะนั้นมีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุกหรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่กำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหายจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริต อาศัยเป็นช่องในการเรียกรับสินบนดังเป็นข่าว
โดยหนึ่งในมาตรการที่เป็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เห็นว่าจะเป็นทางออกในการลดทุจริตได้ คือ การนำเอาเทคโนโลยีการชั่งน้ำหนักมาใช้ สอดคล้องกับผลการวิจัยที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ให้ทุนสนับสนุนเพื่อศึกษาหาแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการทุจริต: ศึกษากรณีรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด จัดทำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ทศพล ปิ่นแก้ว คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อังคณาวดี ปิ่นแก้ว คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ศึกษาข้อมูลพบว่า ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดกฎหมายยังคงปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนทางและขัดแย้งกับสถิติการจับกุมรถบรรทุกบริเวณด่านชั่งน้ำหนักที่มีเพียง 50 คันต่อการตรวจชั่งรถบรรทุกจำนวนทั้งสิ้น 1 ล้านคัน (หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.005) คณะผู้วิจัยเห็นว่า ปัญหาทุจริตดังกล่าวอาจสามารถแก้ไขได้หากสามารถผนวกเทคโนโลยีทางวิศวกรรมในปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าด้านการตรวจชั่งน้ำหนักยวดยานแบบอัตโนมัติ เข้ากับแนวนโยบายการควบคุมน้ำหนักภายใต้กรอบอำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่เดิมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นแนวทางการดำเนินงานเช่นเดียวกันกับในต่างประเทศที่ได้มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีการตรวจชั่งรถบรรทุกขณะเคลื่อนที่มาใช้ควบคุมน้ำหนักบรรทุกของยวดยานเทคโนโลยีดังกล่าวนี้มีทั้งแบบติดตั้งที่ผิวถนน (Weigh-in-motion, WIM) และแบบติดตั้งไว้ใต้สะพาน (Bridge Weigh- in- motion, B-WIM) ทำให้สะพานกลายเป็นตาชั่งอัตโนมัติที่จะทราบค่าน้ำหนักของรถบรรทุกที่วิ่งข้ามสะพาน ทั้งนี้ข้อได้เปรียบของระบบ B-WIM คือผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นจึงไม่ทราบว่าสะพานใดบ้างถูกติดตั้งระบบ และระบบเองก็สามารถเคลื่อนย้ายจากสะพานแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่งได้ ทำให้ติดตั้งระบบเพียงจำนวนไม่กี่แห่งก็ได้ผลการควบคุมเสมือนการติดตั้งระบบที่ครอบคลุมจำนวนมาก การทำงานอุปกรณ์จะชั่งน้ำหนักของรถที่วิ่งอยู่ด้านบน แล้วจึงส่งผลการตรวจชั่งน้ำหนักของรถแต่ละคันพร้อมภาพถ่ายป้ายทะเบียนผ่านเครือข่ายโทรศัพท์กลับมายังศูนย์ควบคุม จึงไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ทำการหยุดรถและตรวจชั่งน้ำหนักเหมือนการชั่งน้ำหนักในด่านชั่งน้ำหนักถาวรหรือด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ใช้ในปัจจุบัน โดยหน่วยงานสามารถใช้บันทึกข้อมูลภาพถ่ายและค่าน้ำหนักที่ส่งมายังศูนย์ควบคุมเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ดังนั้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเหล่านี้มีใช้ให้แพร่หลาย คาดว่าปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกหนักน่าจะลดลงได้อย่างมาก เพราะกระบวนการตรวจชั่งเป็นแบบอัตโนมัติไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ จึงสามารถตัดช่องทางที่เอื้อให้เกิดการทุจริตได้อย่างสมบูรณ์