จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 101
ผู้ตรวจราชการฯ ลุยลงพื้นที่ตรวจราชการ ในพื้นที่ภาค 5
นายประทีป คงสนิท ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักงาน ป.ป.ช. พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (รอบที่ 1) ในเขตพื้นที่ภาค 5 รวมทั้งหมด จำนวน 9 แห่ง เพื่อติดตามความก้าวหน้าของผลการดำเนินงานทุกภารกิจตามแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 การดำเนินการตามข้อสั่งการ มติ/นโยบายของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และมติที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันฯ พร้อมทั้งรับทราบปัญหาอุปสรรค และให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน โดยลงพื้นที่ ดังนี้
สำหรับผลการปฏิบัติราชการของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด รวมทั้งหมด จำนวน 9 แห่ง สามารถสรุปได้ดังนี้
ด้านปราบปรามการทุจริต พบว่า สปภ.5 และสปจ. รวมทั้งหมด 9 แห่ง พนักงานไต่สวนได้เร่งดำเนินการเรื่องตรวจสอบเบื้องต้น และเรื่องไต่สวน พร้อมทั้งวางแผนการทำงาน เพื่อเร่งรัดงานตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินงานในเรื่องนั้น ๆ แล้วเสร็จเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการฯ
ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน พบว่า สปภ.5 และสปจ. รวมทั้งหมด 9 แห่ง พนักงานตรวจสอบทรัพย์สินได้ดำเนินการตรวจสอบบัญชีในประเภทต่าง ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐและการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 และได้เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบบัญชี เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการฯ พร้อมกับวางแผนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบบัญชีฯ ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการฯ ได้กำชับให้พนักงานตรวจสอบทรัพย์สินเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นบัญชีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้า รับ ตำแหน่ง และหรือ พ้นจากตำแหน่ง พร้อมให้คำแนะนำกับผู้ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ ให้ยื่นเอกสารให้ถูกต้อง ครบถ้วน
ด้านป้องกันการทุจริต พบว่า สปภ.5 และสปจ. รวมทั้งหมด 9 แห่ง ได้ดำเนินการตามนโยบาย “ป้องนำปราบ” โดยเฝ้าระวังการทุจริตของหน่วยงานราชการภายในเขตพื้นที่ภาค และจังหวัด เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการทุจริต โดยจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัด ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการฯ ได้แนะนำเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต ตรวจสอบ สังเกตการณ์ ติดตามเรื่องเมื่อได้รับแจ้งเบาะแส เพื่อเฝ้าระวังการทุจริต และขับเคลื่อน งานป้องกันการทุจริต ผ่านกลไกของคณะอนุกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบระดับจังหวัด รวมทั้งรวบรวมข้อมูลสถิติ และวิเคราะห์ว่าการลงพื้นที่ สามารถระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการทุจริตได้จำนวนกี่โครงการ และมีมูลค่าความเสียหายที่แท้จริงจำนวนเท่าใด
ด้านสืบสวนคดีทุจริต พบว่า สปภ.5 และสปจ. รวมทั้งหมด 9 แห่ง พบว่า มีผลการดำเนินงานด้านสืบสวนคดีทุจริตเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการฯ ในไตรมาสที่ 1 โดยนักสืบสวนคดีทุจริตได้วางแผนการทำงานและมีการเตรียมพร้อมสำหรับการลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการเฝ้าระวังการทุจริตให้ทันต่อเหตุการณ์ และมีความพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการฯ ได้แนะนำให้นักสืบสวนคดีทุจริตศึกษาหาความรู้ ทั้งกฎหมาย ระเบียบ แนวทางการปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในภารกิจงานฝึกฝน วิธีการเสาะแสวงหาข้อมูลที่จะทำให้แหล่งข่าวเปิดเผยความจริง รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนภารกิจหลักทั้งด้านปราบปรามการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านป้องกันการทุจริต เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการก่อสร้างอาคาร
ในการนี้ ผู้ตรวจราชการฯ ได้กำชับให้ สปภ. สปจ. และเจ้าหน้าที่ทุกภารกิจ เร่งรัดปฏิบัติงานในความรับผิดชอบให้บรรลุตามเป้าหมายแผนปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อขับเคลื่อนงานในภาพรวมของสำนักงาน ป.ป.ช. ให้บรรลุผลสำเร็จ และบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (21) ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนเรื่องร้องเรียนที่เข้าสู่สำนักงาน ป.ป.ช. ลดลง และยกระดับค่าคะแนนดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index; CPI) ให้สูงขึ้น พร้อมทั้งให้กำลังใจในการปฏิบัติงานราชการแก่บุคลากรทุกฝ่าย ตลอดจนเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่พัฒนาตนเอง ศึกษาและติดตามการเปลี่ยนแปลงของข้อกฎหมาย และให้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานอีกด้วย