จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 25
“ความเสี่ยงของการทุจริต กรณีเรียกรับสินบน”
การเรียกรับสินบน เป็นหนึ่งในรูปแบบของการทุจริตที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศชาติ การกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายความน่าเชื่อถือ แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจและความน่าเชื่อถือต่อหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอีกด้วย
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการทุจริตในกรณีการเรียกรับสินบน
การทุจริตในกรณีการเรียกรับสินบน เป็นปัญหาที่เรื้อรังในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งในปัจจุบันยังคงพบเห็นข้อมูลข่าวสารกรณีเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับสินบนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบางกรณีมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการรับและการให้สินบนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ เช่น ส่วยสติ๊กเกอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าได้เหมาจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งแต่ต้นทาง และไม่ต้องจ่ายเงินตามด่านเมื่อถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจหรือพบว่ากระทำผิด
สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต และรับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนการทุจริตของเจ้าพนักงานของรัฐ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการกล่าวหาร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกรับสินบน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าพนักงานของรัฐ และการให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานของรัฐ เข้ามาจำนวนมาก โดยข้อมูลสถิติย้อนหลัง 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2567) มีจำนวนเรื่องตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีสินบน จำนวน 1,034 เรื่อง มีดังนี้
ปีงบประมาณ |
สถิติคดีสินบน |
รวม |
||
คนกลางเรียกรับ |
การให้สินบน |
การเรียกรับสินบน |
||
พ.ศ. 2563 |
1 |
1 |
169 |
171 |
พ.ศ. 2564 |
- |
1 |
225 |
226 |
พ.ศ. 2565 |
1 |
10 |
218 |
229 |
พ.ศ. 2566 |
- |
1 |
226 |
227 |
พ.ศ. 2567 |
3 |
1 |
177 |
181 |
รวม |
1,034 |
หมายเหต : ข้อมูลจากสำนักบริหารงานกลาง ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการทุจริตในกรณีการเรียกรับสินบน สามารถเกิดได้หลายปัจจัย ทั้งกรณีเกิดจากเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับสินบน หรือเกิดจากมีผู้มาเสนอให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ
กรณีเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับสินบน สามารถเกิดได้หลายปัจจัย เช่น เกิดจากตัวเจ้าพนักงานของรัฐเอง ซึ่งมีการปฏิบัติหน้าที่โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เห็นแก่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่จะได้รับ หรือกรณี
เจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ได้อาศัยโอกาสที่มีตำแหน่งหน้าที่แล้วไปเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นเพื่อแลกกับการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติ อนุญาต หรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด หรือกรณีเกิดจากระบบ โดยในบางกรณีกฎหมายยังมีการเปิดโอกาสให้
เจ้าพนักงานของรัฐใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจหรือพิจารณาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยหากกรณีใดมีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ย่อมอาจส่งผลต่อการใช้ดุลยพินิจหรือการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงไป อันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและต่อราชการ
ปัจจัยเกี่ยวกับกรณีเกิดจากมีผู้มาเสนอให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ การรับสินบนย่อมเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีผู้ให้สินบน โดยผู้ให้สินบน อาจกระทำโดยภาคเอกชน หรือประชาชน หรืออาจเป็นเจ้าพนักงานของรัฐด้วยกันเอง โดยเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานของรัฐ เพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เช่น การเสนอเงินสินบนเพื่อช่วยให้ได้เข้าเป็นคู่สัญญา
การจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานภาครัฐ หรือเสนอเงินสินบนเพื่อให้เจ้าพนักงานของรัฐช่วยเหลือให้พ้นความผิดตามกฎหมาย หรือเพื่อแลกการได้รับบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และบางกรณีอาจเกิดจากการสมรู้ร่วมคิด หรือสมยอมร่วมกันระหว่างผู้รับกับผู้ให้
การเรียกรับสินบนมีผลกระทบต่อองค์กร ด้านชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และการปฏิบัติงาน
การเรียกรับสินบนมีผลกระทบต่อองค์กรในหลายด้าน กรณีหากหน่วยงานภาครัฐใด มีเจ้าพนักงานของรัฐกระทำการเรียกรับสินบน ย่อมทำให้องค์กรเสื่อมเสียชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือต่อองค์กรลดลง ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานของรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของหน่วยงานภาครัฐดังกล่าว นอกจากนี้ ปัญหาการเรียกรับสินบน ยังส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อประชาชน สังคม และประเทศ สูญเสียงบประมาณของภาครัฐ รวมถึงความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศ
นอกจากนี้ การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเรียกรับสินบนของเจ้าพนักงานของรัฐ ยังเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรง
สำหรับผู้ให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งภาคเอกชน หรือประชาชน หรืออาจเป็นเจ้าพนักงานของรัฐด้วยกันเอง กฎหมายก็ได้กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ให้สินบนไว้เช่นกัน ยิ่งกรณีหากผู้ให้สินบนเป็นภาคเอกชนหรือบริษัทเอกชน นอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังถือได้ว่าการให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ เป็นการเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจ และยังมีโอกาสที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงทางธุรกิจอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญในการประกอบธุรกิจ
การควบคุมหรือการสร้างมาตรการสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการทุจริตในรูปแบบการเรียกสินบน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การควบคุมหรือมาตรการที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการทุจริตในรูปแบบการเรียกสินบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรจะต้องดำเนินการ ทั้งการปราบปราม และการป้องกัน โดยในส่วนของการปราบปราม เมื่อมีการกล่าวหาร้องเรียนผู้กระทำความผิดกรณีการเรียกรับสินบนและผู้ให้สินบน สำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการตรวจสอบและไต่สวน นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องในความผิดฐานเจ้าพนักงานรับสินบน ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 ซึ่งจะมีบทลงโทษที่รุนแรง โดยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 กำหนดบทลงโทษ คือ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท หรือประหารชีวิต
สำหรับผู้ให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ กฎหมายก็ได้กำหนดบทลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายที่เอาผิดนิติบุคคลที่ให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐโดยไม่มีมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทําความผิด เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176 วรรคสอง ในกรณีที่ผู้ให้สินบนเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลใดและกระทําไปเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลนั้น โดยนิติบุคคลดังกล่าวไม่มีมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทําความผิดนั้น กฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลนั้นมีความผิด และต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งเท่าแต่ไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือประโยชน์ที่ได้รับ
ปัจจุบัน หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปปป.) ได้มีการร่วมกันปฏิบัติการจับสดกรณีเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับสินบน จนนำมาสู่กระบวนการตรวจสอบและไต่สวน และลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันได้มีการปฏิบัติการร่วมกันในการจับสดหลายกรณี โดยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสการกระทำความผิด
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ซึ่งได้กำหนดข้อห้ามเจ้าพนักงานของรัฐในทุกตำแหน่ง รวมถึงผู้ซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจํานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด และการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุพการี ผู้สืบสันดานหรือญาติที่ให้ตามประเพณี หรือตามธรรมจรรยาตามฐานานุรูป โดยกฎหมายมาตรา 128 ดังกล่าว มีบทกำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิด ตามมาตรา 169 เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 128 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ อันถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่มีลักษณะป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเรียกรับสินบน
ในด้านการป้องกัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 32 ได้กำหนดหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการเสนอมาตรการ ความเห็น หรือข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต เสนอต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ อันเป็นไปตามกลไกการป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการเสนอมาตรการหรือข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสินบนจำนวนหลายเรื่อง เช่น ข้อเสนอแนะการควบคุมการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานของรัฐในการปฏิบัติงานที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นต้น
ในปัจจุบัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เล็งเห็นความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสินบน โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสินบน เพื่อดำเนินการศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสินบน และเสนอความเห็นเพื่อให้มีการเสนอมาตรการ ความเห็น หรือข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสินบน เสนอต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 32 โดยคณะอนุกรรมการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสินบน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการดำเนินการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสินบน เพื่อจัดทำมาตรการหรือข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขทั้งในส่วนของการเรียกรับสินบนและการให้สินบน
นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐได้มีการประชาสัมพันธ์รณรงค์และประกาศเจตนารมณ์ในการไม่รับของขวัญหรือของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือนโยบาย “No Gift Policy” ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับสินบน โดยหน่วยงานภาครัฐจะต้องดำเนินการและมีการบังคับใช้นโยบายอย่างจริงจัง รวมถึงจะต้องสร้างค่านิยมให้ภาคธุรกิจเอกชนเห็นว่า การให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐนั้น ไม่มีผลต่อการพิจารณาหรือการตัดสินใจของเจ้าพนักงานของรัฐ
ความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริตในกรณีการเรียกสินบน
สำนักงาน ป.ป.ช. มีหน้าที่ในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาสินบน ซึ่งความท้าทายที่สำนักงาน ป.ป.ช. ต้องเผชิญในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริตในกรณีการเรียกสินบน คือจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาการเรียกรับสินบนของเจ้าพนักงานของรัฐให้เบาบางหรือหมดสิ้นไป โดยจะต้องดำเนินการป้องกันทั้งในส่วนเจ้าพนักงานของรัฐ (ผู้รับ) และภาคเอกชน (ผู้ให้) จะต้องส่งเสริมและให้ความรู้แก่ประชาชนและภาคเอกชนในการต่อต้านการทุจริต ต่อต้านการเรียกรับสินบน ไม่เป็นผู้ให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ รวมถึงกล้าที่จะแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสการทุจริต การเรียกรับสินบน ต่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปปป.)
เมื่อไม่มีผู้ให้ย่อมไม่มีผู้รับ เมื่อถูกเจ้าพนักงานเรียกรับ ต้องไม่ยอมให้และแจ้งไปยังหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ปัญหาในเรื่องสินบนของประเทศไทยย่อมเบาบางลงและหมดสิ้นไป
การเรียกรับสินบนถือเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน การจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดจากการทุจริตต้องอาศัยการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ร่วมกับมาตรการภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส และการให้ความรู้แก่บุคลากร จะช่วยลดโอกาสในการเกิดพฤติกรรมดังกล่าว และส่งเสริมสังคมที่มีความเป็นธรรมและโปร่งใส่มากยิ่งขึ้น
-------------------------------------------------