จากไชต์: วารสารวิชาการ
จำนวนผู้เข้าชม: 93
นิติเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่อต้านการทุจริต[1]
Law and Economics Perspectives on Amendments to Anti-Corruption Laws
ปัญหาการทุจริตในมุมมองทางกฎหมายหรือนิติศาสตร์ เกิดจากการที่ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำการทุจริตถูกตรวจสอบ ถูกจับกุม และถูกลงโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์เห็นว่า การทุจริตเกิดจากแรงจูงใจส่วนบุคคลที่ประเมินหรือเลือกระหว่างผลประโยชน์ที่ได้จากการทุจริตกับต้นทุนการทุจริต ซึ่งหมายถึงเมื่อกระทำการทุจริตแล้วจะถูกตรวจสอบ ถูกจับกุม หรือถูกลงโทษหรือไม่ และมีโทษรุนแรงเพียงใด ดังนั้น การแก้ปัญหาการทุจริตในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์หรือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต คือ การวิเคราะห์และแสวงหาทางเลือกการเพิ่มต้นทุนการทุจริตให้สูงขึ้นเพื่อให้ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการทุจริตหน่วยสุดท้ายต่ำลงจนเป็นศูนย์ โดยต้นทุนของการทุจริตมีตั้งแต่กระบวนการถูกตรวจสอบและถูกจับได้ และกระบวนการที่ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดี และพิจารณาพิพากษาลงโทษ
ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ ได้นำมุมมองทางนิติเศรษฐศาสตร์มาวิเคราะห์ปัญหาการทุจริตโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 10 ประการ ได้แก่ 1) การกำกับดูแลคุณธรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2) การไม่นับอายุความ 3) การใช้อำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม 4) การขยายเวลาการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว 5) อำนาจชี้มูลความผิดทางอาญาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มิใช้เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา 6) อำนาจฟ้องคดีและอำนาจมอบหมายพนักงานไต่สวนดำเนินการในศาลแทน 7) การให้ความคุ้มครองบุคคล การจัดให้มีรางวัลหรือประโยชน์อื่นใดและการจัดให้เงินสินบนและการใช้อำนาจสั่งไม่ฟ้องของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือการกันบุคคลเป็นพยาน 8) การแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายของโครงการ 9) การกำหนดราคากลาง และ 10) การจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัด
[1] สรุปจากวารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม 2558 : เขียนบทความโดย ศิริรัตน์ วสุวัต)
สามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.nacc.go.th/download/sakdinan_khu/y81/ton2_2.pdf