Contrast
927ee6c245ca61122c85a3a2ad9297d3.png

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีตนายกอบต.แหลมบัว นครปฐม กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีดำเนินโครงการจ้างเหมาลงหินคลุกและลูกรัง

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม
จำนวนผู้เข้าชม: 366

18/11/2567

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีตนายกอบต.แหลมบัว นครปฐม กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีดำเนินโครงการจ้างเหมาลงหินคลุกและลูกรัง

 ________________________

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหานายสงคราม ห้วยกรดวัฒนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีดำเนินโครงการจ้างเหมาลงหินคลุกและลูกรัง

 

ข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า นายสงคราม ห้วยกรดวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและอนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้าง ตามโครงการจ้างเหมาลงหินคลุกและลูกรัง หมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 8 ตำบลแหลมบัว ตามสัญญาเลขที่ 6/2559 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2559 ซึ่งตนเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว และนายด้าย เหมทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ผู้รับจ้างตามโครงการดังกล่าว เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ดังนี้

 

เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัว ได้ดำเนินโครงการจ้างเหมาลงหินคลุก ซ่อมแซมถนนภายในตำบลแหลมบัวหมู่ที่ 1 - 8 ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ขนาดกว้างเฉลี่ย 3.00 เมตร ยาวเฉลี่ย 7,580 เมตร ความหนาปรับระดับ 0.00 - 0.05 เมตร โดยมีปริมาตรลงหินคลุกไม่น้อยกว่า 1,137.00 ลูกบาศก์เมตร เป็นจำนวนเงิน 480,000 บาท (สี่แสนแปดหมื่นบาทถ้วน) โดยวิธีตกลงราคา กำหนดเวลาแล้วเสร็จภายในวันที่ 18 เมษายน 2559 แม้ในการเสนอราคาตามโครงการดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีใบทะเบียนพาณิชย์ (แบบ พค.0403) ทะเบียนเลขที่ 3730300472615 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ว่ามีอาชีพจำหน่ายอิฐ หิน ดิน ทราย และลูกรัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 แต่จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือกรรมสิทธิ์/สิทธิครอบครองรถยนต์ ไม่พบข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์หรือรถบรรทุกแต่อย่างใด และจากถ้อยคำพยานบุคคลให้ถ้อยคำสอดคล้องต้องกันว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ขับรถบรรทุกให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กว่า 10 ปี โดยมิได้ประกอบอาชีพอื่น ทั้งผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ให้ถ้อยคำว่าตนขับรถบรรทุกให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จริง ประกอบกับข้อเท็จจริงจากการลงตรวจสอบพื้นที่ขณะเกิดเหตุเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2559 ของเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม และคณะ พบรถบรรทุกหกล้อซึ่งจากตรวจสอบเลขทะเบียนพบว่าเป็นของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กำลังลงหินคลุกบริเวณหน้างานโครงการดังกล่าว 

 

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบที่พักอาศัยของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พบว่าเป็นห้องเช่า ขนาดกว้าง 4 x 5 เมตร ไม่มีเลขที่ โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พักอาศัยมากว่า 10 ปี และไม่มีที่ตั้งสำนักงาน ไม่มีพนักงานลูกจ้าง ไม่มีวัสดุอุปกรณ์ หรือรถยนต์ รถบรรทุก ที่ใช้ในการทำงาน เป็นการผิดวิสัยของผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการรับงานก่อสร้าง หากแต่เข้าข่ายเป็นการดำเนินการโดยเป็นตัวแทนของนายจ้างหรือผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัว ซึ่งเป็นผู้มีอาชีพรับเหมาถมที่ดิน ถมลูกรัง ถมหินคลุก อยู่แล้ว

 

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังปรากฏว่า หลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำเช็คซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัวออกให้เป็นค่าจ้างตามโครงการดังกล่าว ไปขึ้นเงินเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 จำนวนเงิน 473,760 บาท และถอนเงินสดจำนวน 473,700 บาท ออกมาในวันเดียวกัน หลังจากนั้นเพียง 4 วัน (วันที่ 3 พฤษภาคม 2565) ปรากฏว่ามีการนำเงินสดฝากเข้าบัญชีของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จำนวน 450,000 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินจำนวนที่ใกล้เคียงกันกับค่าจ้างตามโครงการดังกล่าวที่เบิกจ่ายให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2

 

จากพฤติการณ์ทั้งหมดข้างต้น เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัว เป็นผู้ทำงานตามโครงการดังกล่าวด้วยตนเอง เพียงแต่เชิดผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของตนให้เข้าทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัวเท่านั้น และผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ก็เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวไว้เอง

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

 

1. พฤติการณ์ของนายสงคราม ห้วยกรดวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อผลประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 100 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้ (1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561) อีกทั้งยังเป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้น และเป็นการปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 64/2 (3) และ 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

 

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายสงคราม ห้วยกรดวัฒนา

 

ส่งสำนวนการไต่สวนและคำวินิจฉัยไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการ ตามหน้าที่และอำนาจ กับนายสงคราม ห้วยกรดวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี และแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. สำหรับนายสงคราม ห้วยกรดวัฒนา ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย

 

2. พฤติการณ์ของนายด้าย เหมทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2555 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561)

 

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายด้าย เหมทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)

 

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

 ________________________

 

หมายเหตุ: การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

 

Related