Contrast
e35972c39e51f95fe10fa7b5ff44033e.jpg

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 1 เรื่อง

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7
จำนวนผู้เข้าชม: 34

08/10/2568

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ จำนวน 1 เรื่อง

 

วันนี้ (8 ตุลาคม 2568) สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 1 เรื่อง ดังนี้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายป.

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า

กรณีกลั่นแกล้งลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่พัสดุ โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ และโครงการก่อสร้างโรงจอดรถผู้มาติดต่อราชการ ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2557 นายป. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการที่ 5 ครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (งานอาคาร) (โครงการย่อยที่ 1 โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ โครงการย่อยที่ 2 โครงการก่อสร้างโรงจอดรถผู้มาติดต่อราชการ อบต.สนามชัย) ประกอบด้วย นางส. ตำแหน่ง รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ประธานกรรมการ นางสาวค. ตำแหน่ง นิติกร 3 กรรมการ นางสาวศ. ตำแหน่ง ครูผู้ดูแลเด็ก กรรมการ นายด. ตำแหน่ง ประชาคมหมู่ 5 กรรมการ นายก. ตำแหน่ง ประชาคม หมู่ 5 กรรมการ และนายธ. ตำแหน่ง นายช่างโยธา 5 ช่างผู้ควบคุมงาน ต่อมานายป. ได้สั่งการด้วยวาจาให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการตรวจการจ้าง เป็นนายโกมินท์ ตำแหน่ง นักพัฒนาชุมชน 6 ประธานกรรมการ นายธ. ตำแหน่ง นายช่างโยธา 5 กรรมการ นางสาวศ. ตำแหน่ง ครูผู้ดูแลเด็ก กรรมการ นายด. ตำแหน่ง ประชาคม หมู่ 5 นายก. ตำแหน่ง ประชาคม หมู่ 5 กรรมการ และนายอ. ตำแหน่ง นักบริหารงานช่าง 6 ช่างผู้ควบคุมงาน โดยให้ใช้เลขคำสั่งเลขเดียวกันและให้ลงวันที่เดียวกัน คือ เลขคำสั่งที่ 503/2557 ลงวันที่ 11 กันยายน 2557 ต่อมาเจ้าหน้าที่พัสดุได้ดำเนินการจัดทำร่างคำสั่งโดยมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อคณะกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงานเสนอต่อนายป. ผ่านนางสาวอ. ผู้อำนวยการกองคลัง และนางสาวช. ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย แต่นายป.ไม่ยินยอมลงนามในคำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่าไม่ได้สั่งการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อคณะกรรมการดังกล่าว

 

แต่สำหรับโครงการที่ 2 ครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (สาธารณูปโภค) (โครงการย่อยที่ 1 โครงการวางท่อระบายน้ำท่อขนาด 0.60 ม. (จำนวน 3 จุด) พร้อมกำจัดวัชพืชบริเวณโค้งเหนือวัดปู่บัว โครงการย่อยที่ 2 โครงการลงหินคลุกปรับปรุงซ่อมแซมถนนภายในหมู่ที่ 2 (กองช่าง) นายป. ก็ได้สั่งการด้วยวาจาให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการตรวจการจ้างและไม่ได้ลงนามในคำสั่งดังกล่าว เหมือนกันกับโครงการที่ 5 ครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (งานอาคาร) (โครงการย่อยที่ 1 โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ โครงการย่อยที่ 2 โครงการก่อสร้างโรงจอดรถผู้มาติดต่อราชการ อบต.สนามชัย) แต่นายป. ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างโครงการที่ 2 แสดงให้เห็นว่านายป. ได้ยอมรับว่ามีการสั่งการด้วยวาจาให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการตรวจการจ้าง แต่นายป. กลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อสอบสวนนางสาวณ. ตำแหน่ง นักวิชาการประชาสัมพันธ์ ขณะดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่พัสดุ ว่า กระทำการแก้ไขคำสั่งคณะกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงาน โดยผู้บังคับบัญชาไม่ได้มอบหมาย และไม่ได้เสนอเหตุผลความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น อันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนโดยผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปไม่ได้สั่งให้กระทำ

 

วันที่ 9 มีนาคม 2558 นายป. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งนายน. นางสาวช. และนายฤ. เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 92/2558 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 503/2557 ลงวันที่ 11 กันยายน 2557 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดหาพัสดุ (กรณีมีลายเซ็นต์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย จำนวน 1 ชุด และกรณีไม่มีลายเซ็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย จำนวน 1 ชุด ของโครงการที่ 5) โดยนายน. นางสาวช. และนายฤ.ได้ร่วมกันทำความเห็นให้ดำเนินการทางวินัยแก่นางสาวณ. ฐานกระทำการแก้ไขคำสั่งคณะกรรมการตรวจงานจ้าง และช่างผู้ควบคุมงานโดยผู้บังคับบัญชาไม่ได้มอบหมาย และไม่เสนอเหตุผลความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น อันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนโดยผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปไม่ได้สั่งให้กระทำ และให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โครงการที่ 2 เนื่องจากมีการตรวจรับงานจ้างและเบิกจ่ายเงินงบประมาณแก่ผู้รับจ้างเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการตรวจการจ้างไม่ถูกต้องตามคำสั่งที่ได้รับการแต่งตั้งโดยนางสาวช. เป็นผู้ตรวจสอบฎีกาเบิกจ่ายเงินในโครงการที่ 2 ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีว่า นายป. ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างในโครงการที่ 2 โดยอาศัยคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 503/2557 ลงวันที่ 11 กันยายน 2557 ฉบับที่นายป. ไม่ได้ลงนาม ซึ่งมีการสั่งการให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงาน เช่นเดียวกับโครงการที่ 5 แต่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับทำความเห็นว่าให้ดำเนินการทางวินัยแก่นางสาวณ. ฐานกระทำการแก้ไขคำสั่งคณะกรรมการตรวจงานจ้าง และช่างผู้ควบคุมงานโดยผู้บังคับบัญชาไม่ได้มอบหมาย และไม่เสนอเหตุผลความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น อันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนโดยผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปไม่ได้สั่งให้กระทำ

 

ต่อมาวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 นายป. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งนายน. นายช. และนายฤ. เป็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โครงการที่ 2 ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 298/2558 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนายน. นายช. และนายฤ. ได้ร่วมกันทำความเห็นว่านางสาวณ. ขณะดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่พัสดุ กระทําการแก้ไขคําสั่งคณะกรรมการตรวจงานจ้าง และช่างผู้ควบคุมงาน โดยผู้บังคับบัญชาไม่ได้มอบหมาย และไม่ได้เสนอเหตุผลความจําเป็นในการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้น อันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนโดยผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป ไม่ได้สั่งให้กระทํา เพราะเป็นการรับฟังคําบอกกล่าวมาจากช่างผู้ควบคุมงาน การกระทําดังกล่าวถือเป็นความผิดทางวินัย แต่คําสั่งดังกล่าวมีโครงการย่อยจํานวนถึง 5 โครงการ การแก้ไขคำสั่ง จํานวน 2 โครงการในคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทําความผิดที่เกิดจากการทําเพียงครั้งเดียว นางสาวณ. อยู่ระหว่างถูกดําเนินการทางวินัยตามมูลกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว ตามโครงการที่ 5 จึงเห็นควรยุติเรื่อง

 

และนอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายน. นายช. และนายฤ. ได้ร่วมกันจัดทำรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริง โครงการที่ 2 ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 298/2558 โดยร่วมกันทำความเห็นว่า “นายป. นายกองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย สั่งการให้นายอ. ดำเนินการแก้ไขคําสั่งจริง โดยมีประจักษ์พยานที่สําคัญคือ นายโกมินทร์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย อยู่ในเหตุการณ์และให้การว่านายกองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย ได้ พูดคุยกับนายอ. ว่าจะจัดการเรื่องกรรมการตรวจการจ้างเอง การกระทําดังกล่าวจึงเป็นการกระทําที่ไม่ถูกต้องตามแบบแผนการปฏิบัติของทางราชการที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องสั่งการให้เกิดเป็นลายลักษณ์อักษร และถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการที่กําหนด เห็นควรรายงานอําเภอเมืองสุพรรณบุรี ให้ว่ากล่าวตักเตือนนายป. นายกองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย ต่อไป” เมื่อทำความเห็นเสร็จสิ้นแล้ว นายน. นายช. และนายฤ. ได้ร่วมกันลงนามในรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว และส่งรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย เพื่อเสนอให้นายป. พิจารณาดำเนินการต่อไป ต่อมากลับปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายป. ยังไม่ได้พิจารณาทำความเห็นแต่นายน. นายช. และนายฤ.ได้นำสำนวนการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว กลับมาแก้ไขโดยตัดความเห็น ว่า “นายป. นายกองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย สั่งการให้นายอ. ดำเนินการแก้ไขคําสั่งจริง โดยมีประจักษ์พยานที่สําคัญ คือ นายโกมินทร์  ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย อยู่ในเหตุการณ์และให้การว่านายกองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย ได้พูดคุยกับนายอ. ว่าจะจัดการเรื่องกรรมการตรวจการจ้างเอง การกระทําดังกล่าวจึงเป็นการกระทําที่ไม่ถูกต้องตามแบบแผนการปฏิบัติของทางราชการที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องสั่งการให้เกิดเป็นลายลักษณ์อักษร และถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการที่กําหนด เห็นควรรายงานอําเภอเมืองสุพรรณบุรี ให้ว่ากล่าวตักเตือนนายป. นายกองค์การบริหารส่วนตําบลสนามชัย ต่อไป” ออกจากรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว แล้วส่งสำนวนการสอบสวนข้อเท็จจริงไปให้นายป. พิจารณา อีกครั้ง

 

ต่อมาวันที่ 11 สิงหาคม 2558 นายป. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งนายส. นายช. และนายก. เป็นคณะกรรมการสอบสวน (โครงการที่ 5) ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 364/2558 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยนายส. นายช. และนายก. ได้ร่วมกันทำความเห็นว่า นางสาวณ. จัดทำคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 503/2557 ลงวันที่ 11 กันยายน 2557 ขึ้นมาใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงาน และไม่ปรากฏว่าได้มีผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปได้มีการสั่งการให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงาน ประกอบกับในการแก้ไขคำสั่งดังกล่าวก็ไม่ได้มีการเสนอเหตุผลความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ เป็นกระทำความผิดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ ตามข้อ 6 วรรคแรก และปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ตามข้อ 10 ของประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสุพรรณบุรี เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 14 มกราคม 2545 เป็นการกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงเห็นว่านางสาวณ. ควรได้รับโทษตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 3 เดือน แต่จากการสอบสวนปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยกระทำผิดวินัยมาก่อนมีเหตุอันควรลดหย่อน เห็นควรลดโทษเป็นภาคทัณฑ์ ตามข้อ 69 ของประกาศพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสุพรรณบุรี เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 14 มกราคม 2545 โดยนายส. นายช. และนายก.
ไม่พิจารณาพยานหลักฐานโครงการที่ 2 ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า นายป. ได้สั่งการด้วยวาจาให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงาน โดยไม่ได้ลงนามในคำสั่งและใช้เลขคำสั่งที่ 503/2557 เช่นเดียวกับโครงการที่ 5 และนายป. ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างโครงการที่ 2 ไปแล้ว

 

ต่อมานายป. ได้มีคำสั่งให้ลงโทษภาคทัณฑ์นางสาวณ. ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 328/2560 เรื่อง ลงโทษภาคทัณฑ์ ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 ตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน

 

นางสาวณ. ได้ดำเนินการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ และได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 328/2560 เรื่อง ลงโทษภาคทัณฑ์ ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 ที่ลงโทษภาคทัณฑ์นางสาวณ. และต่อมาศาลปกครองได้วินิจฉัยว่าการกระทำของนางสาวณ. ไม่อาจถือได้ว่า นางสาวณ. ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ตามข้อ 10 ของประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสุพรรณบุรี เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 14 มกราคม 2545 คำสั่งของนายป. ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 328/2560 เรื่อง ลงโทษภาคทัณฑ์ ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของนายป. ตามตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 328/2560 เรื่อง ลงโทษภาคทัณฑ์ ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2560

 

กรณีเข้าไปมีส่วนได้เสียในงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย โครงการที่ 1 ค่าบำรุงรักษาและปรับปรุงที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2557 องค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย โดยนายป. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ได้ประกาศสอบราคาจ้างโครงการที่ 1 ค่าบำรุงรักษาและปรับปรุงที่ดินและสิ่งก่อสร้าง แบ่งเป็น 5 โครงการย่อย ได้แก่ (1.1) โครงการก่อสร้างป้าย/ย้าย CUT OUT ประชาสัมพันธ์ (1.2) โครงการก่อสร้างกันสาดด้านหน้าอาคารสำนักงาน หมู่ที่ 5 (1.3) ติดตั้งตู้เก็บเอกสารในสำนักงาน (Built in) จำนวน 5 ตู้ (1.4) โครงการติดตั้งกระจกอะลูมิเนียมพร้อมเหล็กดัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ร.ร. บรรหาร – แจ่มใสวิทยา 4 (1.5) โครงการติดตั้งกระจกอะลูมิเนียมพร้อมเหล็กดัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ร.ร. บ้านดอนโพ หมู่ที่ 6 และห้างหุ้นส่วนจำกัด ขุมทรัพย์ดอนเจดีย์ โดยนายสุ. หุ้นส่วนผู้จัดการ ได้เข้ามาเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย เพื่อดำเนินการตามสัญญาจ้างโครงการที่ 1 โดยหลังจากที่นายสุ. ลงนามในสัญญาจ้างกับองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัยแล้ว นายป. ได้เชิญนายสุ. มาพบแล้วแจ้งกับนายสุ. ว่าขอเป็นผู้ดำเนินการโครงการย่อยที่ (1.2) โครงการก่อสร้างกันสาดด้านหน้าอาคารสำนักงาน หมู่ที่ 5 และโครงการย่อยที่ (1.3) โครงการติดตั้งตู้เก็บเอกสารในสำนักงาน (Built in) จำนวน 5 ตู้ เอง หลังจากนั้นนายป. ได้ว่าจ้างนายประยุตต์ ผู้รับจ้างมาดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งกันสาดด้านหน้าอาคารสำนักงาน โดยมอบหมายให้นายอ. เป็นผู้ติดต่อนายประยุตต์ ผู้รับจ้าง และว่าจ้างนายไชยณรงค์ ผู้รับจ้างมาดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งตู้เก็บเอกสารในสำนักงาน (Built in) จำนวน 5 ตู้ โดยมอบหมายให้นายธ. เป็นผู้ติดต่อนายไชยณรงค์ ผู้รับจ้าง หลังจากนั้น เมื่อโครงการที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย 5 โครงการย่อย ได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 5 โครงการแล้ว นายป. ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่นายสุ. เสมือนว่านายสุ. เป็นผู้ดำเนินการเอง ทั้ง 5 โครงการย่อย และเมื่อนายสุ. มารับเงินค่าจ้างทั้ง 5 โครงการย่อยดังกล่าวจากองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัยแล้ว นายป. ได้ขอแบ่งเงินค่าจ้างของโครงการย่อยที่ (1.2) โครงการก่อสร้างกันสาดด้านหน้าอาคารสำนักงาน หมู่ที่ 5 และโครงการย่อยที่ (1.3) โครงการติดตั้งตู้เก็บเอกสารในสำนักงาน (Built in) จำนวน 5 ตู้ จำนวนทั้งสิ้น 122,200 บาท จากนายสุ. มาเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต

 

วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ ระหว่างเดือนกันยายน 2557 – กรกฎาคม 2560 สถานที่เกิดเหตุ ท้องที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี

 

ความเสียหาย ไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้

 

การกระทำของนายป. มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้นฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 122 วรรคหนึ่ง และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 126 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 168 วรรคหนึ่ง และมาตรา 172) และมีมูลความผิดฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้น หรือที่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้นจะกระทำ และฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 64/2 (3) มาตรา 92

 

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายป. ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ

 

สำหรับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัยที่ 92/2558 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2558 ประกอบด้วย นายน. นางสาวช. และนายฤ. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการที่ 2 ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 298/2558 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 ประกอบด้วย นายน. นายช. และนายฤ. และคณะกรรมการสอบสวน (โครงการที่ 5) ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย ที่ 364/2558 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ประกอบด้วย นายส. นายช. และนายก. ซึ่งได้ใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบจนเป็นเหตุให้มีการลงโทษทางวินัยนางสาวณ. ที่ประชุมมีมติ ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64

 

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Related