Contrast
banner_default_3.jpg

คุก 50 ปี นายกฯ -ปลัดฯ อบต. หนองรี กาญจนบุรี มีส่วนได้เสียจัดหาพัสดุ

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7
จำนวนผู้เข้าชม: 856

16/04/2566

     ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายสมชาย ยิ้มใหญ่หลวง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กับพวก คือ นายชนก ธนะรัตน์ ปลัดอบต. นางสาวธมลวรรณ หรือทศนพร จันทร์หอม ผู้อำนวยการกองคลัง นางสาวอาพร ขนาดกลาง นายชูชัย รักสาทรสิทธิ นายชานนท์ หงษ์ทอง นางสาวสุธิสา ลิ้มกลั่นดี นางสาวสุวิมล หรือ วิมล  ตันสุวรรณ นางสาววราภรณ์ กุญชร นายภราดร ช่อสะอึก นางสาวธัญญรัตน์ จำปากุล นางสาวลาวรรณ์ ป่าแฝก ใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์จากโครงการเงินกู้เพื่อเป็นสวัสดิการสำหรับบุคลากรภาครัฐให้ได้รับการคิดดอกเบี้ยตามสัญญากู้เงินในอัตราที่ต่ำกว่าปกติเข้ามามีส่วนได้เสียโดยการจัดหาพัสดุมาขายและเข้ามาเป็นผู้รับจ้างกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี และทุจริตการเบิกค่าอาหารสำหรับเลี้ยงผู้สูงอายุ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 - 2555

    ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157  และ 161 (1)  (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช.  พ.ศ.2542  แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พ,ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563

     ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาดังนี้

  1. นายสมชาย ยิ้มใหญ่หลวง จำเลยที่ 1, นายชนก ธนะรัตน์ จำเลยที่ 2,นางสาวธมลวรรณ หรือทศนพร จันทร์หอม จำเลยที่ 3, นางสาวอาพร ขนาดกลาง จำเลยที่ 4, นายชูชัย รักสาทรสิทธิ จำเลยที่ 5 นายชาญนนท์ หงษ์ทอง จำเลยที่ 6, นางสาวสุธิสา ลิ้มกลั่นดี จำเลยที่ 7 นางสาวสุวิมล หรือวิมล ตันสุวรรณ จำเลยที่ 8, นางสาววราภรณ์ กุญชร จำเลยที่ 9, นายภราดร ช่อสะอึก จำเลยที่ 10, นางสาวธัญรัตน์ จำปากุล จำเลยที่ 11, นางสาวลาวรรณ์ ป่าแผก จำเลยที่ 12 มีความผิดตามกฎหมาย

   การกระทำของ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3, 6 ถึงที่ 8 และที่ 12 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

  1. ลงโทษนายสมชาย ยิ้มใหญ่หลวง จำเลยที่ 1 รวมจำคุก 53 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี
  2. ลงโทษนายชนก ธนะรัตน์ จำเลยที่ 2 รวมจำคุก 205 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี
  3. ลงโทษ นางสาวธมลวรรณ หรือ ทศนพร จันทร์หอม จำเลยที่ 3 รวมจำคุก 45 ปี
  4. ลงโทษ นางสาวอาพร ขนาดกลาง จำเลยที่ 4 มี กำหนด 1 ปี และปรับ 10,000 บาท
  5. ลงโทษ นายชูชัย รักสาทรสิทธิ จำเลยที่ 5 นายชานนท์ หงษ์ทอง จำเลยที่ 6 นางสาวสุธิสา ลิ้มกลั่นดี จำเลยที่ 7 รวมจำคุกคนละ6 ปี และปรับคนละ 30,000 บาท
  6. ลงโทษ นางสาวสุวิมล หรือ วิมล ตันสุวรรณ จำเลยที่ 8 รวม จำคุก 10 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท
  7. ลงโทษนางสาววราภรณ์ กุญชร จำเลยที่ 9 จำคุก 5 ปี และปรับ 20,000 บาท
  8. ลงโทษนายภราดร ช่อสะอึก จำเลยที่ 10 จำคุก 5 ปี และปรับ 20,000 บาท
  9. ลงโทษนางสาวธัญญรัตน์ จำปากุล จำเลยที่ 11 จำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท
  10. ลงโทษนางสาวลาวรรณ์ ป่าแฝก จำเลยที่ 12 รวมจำคุก 6 ปี 8 เดือน และปรับ 32,000 บาท
  11. ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 4 ถึง 12 เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาส จำเลยที่ 4 ถึง 12  กลับตนเป็นพลเมืองดีของสังคม โทษจำคุก ของจำเลยที่ 4 ถึง 12 จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29,30

     เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566  มีมติเห็นชอบตามที่อัยการสู.สุด จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7

       อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยที่ไม่ได้รอลงอาญา มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้

 

 

 

 

 

 

 

Related