Contrast
e12e3f05b51076807030e05ae777989d.jpg

เกร็ดความรู้...สู้ทุจริต เมื่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ดำเนินคดี กลับใช้ตำแหน่งเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นผิด

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพังงา
จำนวนผู้เข้าชม: 11

07/12/2568
📍เกร็ดความรู้...สู้ทุจริต ‼️
ในสังคมที่ยุติธรรมต้องเป็นพื้นฐานสำคัญ การทุจริตในกระบวนการยุติธรรมถือเป็นภัยเงียบที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างร้ายแรง วันนี้ขอนำเสนอกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง เมื่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ดำเนินคดี กลับใช้ตำแหน่งเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นผิด ผลลัพธ์คือโทษจำคุกตามกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กรณีศึกษา "การเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดี"
จำเลยดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานอัยการจังหวัด ย. รับผิดชอบงานดำเนินคดีแพ่งและงานดำเนินคดีอาญาที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย จึงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการดำเนินคดีและฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัด รวมถึงมีอำนาจหน้าที่ให้ความเห็นสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องในฐานะพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน เป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินคดี ตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำเลยได้เรียก รับหรือยอมจะรับเงิน จำนวน 100,000 บาท จากนาง ส. เพื่อช่วยเหลือนาย ก. สามีไม่ให้ถูกลงโทษจำคุกในคดีข้อหามียาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 201 จำคุก 5 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน
**มาตรา 201 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต

Related