ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษา นายสายัณห์ สุปัญญา กรณีเข้ามีส่วนได้เสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือบุคคลอื่น และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
คำวินิจฉัยคณะกรรมการ ป.ป.ช.
มติครั้งที่ 48/2565 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 กรณีกล่าวหา นายสายัณห์ สุปัญญา ผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลวัดสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 3 ข้อกล่าวหา
ข้อกล่าวหาที่ 1 กรณีนำเงินรายได้ของโรงเรียนไปเช่าซื้อรถตู้ของโรงเรียนโดยมิชอบ
มีมูลความผิดทางอาญา เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 85 วรรคสอง
ข้อกล่าวหาที่ 2 กรณีจ้างเหมาบริการจัดทำอาหารกลางวันของโรงเรียนโดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบๆ
มีมูลความผิดทางอาญา เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 85 วรรคสอง
ข้อกล่าวหาที่ 3 กรณีทำสัญญาจ้างลูกจ้างชั่วคราวมีกำหนดระยะเวลาจ้าง 5 ปี และขึ้นเงินเดือนให้แก่ลูกจ้างชั่วคราว ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ
มีมูลความผิดทางอาญา เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่ง
โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น
การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อ หรือขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 85 วรรคสอง
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2
คดีหมายเลขดำที่ อท 103/2565
คดีหมายเลขแดงที่ อท 27/2566
คำพิพากษา
จำเลยมีความผิดตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม), 157 (เดิม) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือบุคคลอื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก 1 ปี และปรับ 4,000 บาท ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 4,000 บาท รวมโทษทั้ง 3 กระทง เป็นจำคุก 3 ปี และปรับ 12,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงความประพฤติสติปัญญา ความวิริยะอุตสาหะ ของจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการครูจนเกษียณอายุราชการ และได้รับรางวัลหลายประการ ปัจจุบันจำเลยอายุ 71 ปี ถือว่าเข้าสู่วัยชราแล้ว เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการโดยทุจริต การจำคุกย่อมไม่เป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมโดยรวม โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป นายพิเชฐ พิมพา ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสระแก้ว ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต หัวหน้ากลุ่มงานไต่สวนการทุจริต และหัวหน้ากลุ่มงาน...