จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 15
ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก โดยกระบวนการของปัญหาทุจริตเกิดจากนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ ซึ่งมีพฤติกรรมในเชิงทุจริตคอร์รัปชันในรูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) และการเอื้อประโยชน์ (Trading Influence)สร้างความเสียหายแก่ราชการในแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัท เเฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เคยดำเนินการสำรวจสถานการณ์ทุจริต คอร์รัปชันของ กทม. ซึ่งผลการสำรวจสะท้อนมุมมองของคนกรุงเทพฯ ต่อปัญหาคอร์รัปชัน ผ่านสองปัญหาใหญ่ คือ 1.) การบริหารจัดการเมืองที่ขาดความโปร่งใส ซึ่งกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามชี้ว่าการไม่เปิดเผยข้อมูลให้ตรวจสอบก็คือการคอร์รัปชันแล้ว และ 2.) การมีบริการสาธารณะที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้ชีวิตก็เป็นผลมาจากการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ กทม. การตรวจรับงานที่ไม่มีคุณภาพ/การฮั้วราคา และการใช้อิทธิพลจากตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อผลประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสที่เป็นธรรมในกรุงเทพฯ และทำให้พวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนโอกาสในการพัฒนาศักยภาพตลอดชีวิต คนกรุงเทพฯ จึงมองว่าผู้ว่าฯ คนใหม่ต้องจัดการปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้เด็ดขาด ด้วยการเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรง สร้างช่องทางร้องเรียนที่ปลอดภัย ปรับปรุงระบบตรวจสอบให้เข้มแข็ง และเรียกร้องให้ผู้ว่า ฯ ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลการทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งจะช่วยลดการใช้อำนาจในทางมิชอบได้
กรุงเทพมหานคร ยังปรากฏความเสี่ยงการทุจริตในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ การอนุมัติ อนุญาตการบริการประชาชน อาทิ การอนุมัติ อนุญาตให้จดทะเบียนพาณิชย์ให้กับผู้ประกอบการที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์เจ้าหน้าที่อาจเรียกรับผลประโยชน์ในระหว่างการตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณา และเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมโดยไม่ออกใบเสร็จ และไม่นำส่งเงิน เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการรับแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทางกรณีมอบหมายให้บุคคลอื่นแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทางแทนโดยไม่ได้พักอาศัยอยู่จริง เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นนายตรวจอาคาร แต่ละแขวงใช้เวลาราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยอ้างว่าไปตรวจงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่ในการเรียกรับผลประโยชน์ โดยมิชอบอาจเรียกรับผลประโยชน์ในขั้นตอนของการพิจารณาอนุญาตสถานประกอบการ การเบิกจ่ายค่าอาหารทำการนอกเวลาไม่สอดคล้องกับการทำงานจริง การเรียกรับผลประโยชน์ในการคัดเลือกบุคคลภายนอก เพื่อช่วยปฏิบัติราชการด้านการสอนภาษาต่างประเทศในโรงเรียนที่สังกัด การรับชำระเงินจากภายในหน่วยงานและจากประชาชนที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมากอาจไม่ตรงกับความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการเก็บรักษาเงินค่าปรับผู้ละเมิดกฎหมายและนำส่งฝ่ายการคลังมีโอกาสที่จะยักยอกเงินค่าปรับไปใช้สอยส่วนตัว หมุนเงิน หรือนำส่งเงินล่าช้า และเจ้าหน้าที่นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้ส่วนตัว
จากปัญหาข้างต้น กรุงเทพมหานคร โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) เพื่อเป็นหน่วยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.) เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติการในการขับเคลื่อนการดำเนินการลงพื้นที่ในเรื่องพิเศษ (เฉพาะกิจ) ในการสอบสวนจับกุม ตลอดจนวางแผนจับกุม โดยจะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)
นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ขั้นตอนการรับเรื่องจากแหล่งข้อมูล ซึ่งมีการรักษาความลับโดยการจำกัดรหัสเข้าถึงข้อมูล ปิดรายชื่อ/ดัดแปลงรายชื่อผู้แจ้งเบาะแส ขั้นตอนปฏิบัติการ จะมีการตรวจสอบข้อมูลการทุจริตเบื้องต้น และศูนย์ฯ จะมอบหมายเจ้าหน้าที่ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ขั้นตอนสอบสวน ขยายผล วางแผนจับกุม (ถ้ามี) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ตำรวจจาก บก.ปปป. และส่งต่อเพื่อดำเนินคดีอาญา พร้อมดำเนินการตามมาตรการทางการบริหารควบคู่กัน ได้แก่ การย้ายออกจากพื้นที่ โดยให้ไปประจำสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร หรือให้ช่วยราชการที่หน่วยงานอื่น และดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยสั่งพักราชการและให้ออกจากราชการไว้ก่อน และยังมีในส่วนของนโยบายการไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) และนโยบายต่อต้านการรับสินบน (Anti-Bribery Policy)
ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งมีบทบาทภารกิจโดยตรงในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงาน ด้านการป้องกันการทุจริตเป็นอย่างมาก และใช้นโยบาย "ป้องนำปราบ" ในการปฏิบัติงาน กล่าวคือหากประเทศชาติมีกลไก และขับเคลื่อนงานป้องกันการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ย่อมสามารถป้องปรามการกระทำทุจริตคอร์รัปชัน ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้จำนวนสถิติคดีเรื่องกล่าวหาร้องเรียนลดน้อยลงตามลำดับ และเป็นการขับเคลื่อนนโยบายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฯ ประเด็น (21) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) และยกระดับ ค่าคะแนนประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) อย่างแท้จริง ดังนั้น นโยบายในการปฏิบัติงานเชิงรุกของสำนักงาน ป.ป.ช. ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจึงเป็นรูปธรรมมากขึ้น อาทิ การจัดตั้ง ศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ช. (Corruption Deterrence Center: CDC) เพื่อมุ่งเน้นการทำงานในเชิงป้องปรามการทุจริต การจัดทำแนวทางและคู่มือในการเฝ้าระวังการทุจริตประเภทต่าง ๆเพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลสำนักงาน ป.ป.ช. ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2561 - 2567 พบว่ามีเรื่องกล่าวหา ร้องเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร กรณีการอนุญาตเกี่ยวกับอาคาร จำนวน 141 เรื่อง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. มีนโยบายให้ดำเนินการตรวจสอบ เฝ้าระวังกรณีการอนุญาตเกี่ยวกับอาคาร ทั้งในกรุงเทพมหานครและในจังหวัดใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ โดยให้มุ่งเน้นการบูรณาการในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง ร่วมกับหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานป.ป.ท. สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จังหวัด เป็นต้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย ตลอดจนการผลักดันให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลและหน่วยงานผู้รับผิดชอบได้มีการประเมินความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยงของการดำเนินการเพื่อมิให้เกิดการทุจริต พื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นการปกครองรูปแบบพิเศษ แม้จะไม่มีกลไกในรูปแบบคณะกรรมการระดับจังหวัด แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช. ให้ความสำคัญและดูแลพื้นที่นี้เป็นพิเศษ ในฐานะศูนย์กลางทางการบริหาร ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของเกือบทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน
จากการทำงานร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ผ่านนโยบายทั้งในด้าน การเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. การขับเคลื่อนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) ของสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร การสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เพื่อติดตามและประเมินผล ประเด็นต่าง ๆ นี่เป็นแค่เพียงบางส่วนในความร่วมมือที่แสดงถึงความตั้งใจที่จะดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานครร่วมกัน เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและทุกภาคส่วน และจะช่วยผลักดันปัญหาการทุจริตคอรัปชันให้หมดไปได้โดยเร็ว