Contrast
Font
3a995fd05d8652d8a45ebd1d7292bcf2.jpg

ป.ป.ช. เปิดตัว “PRP Platform” ฐานข้อมูลวิจัยต้านทุจริต เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนสู่การใช้นโยบายจริง

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 61

29/08/2568

          เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. โดยสำนักวิจัยและบริการวิชาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จัดสัมมนา “การขับเคลื่อนนโยบายต้านทุจริตด้วยฐานข้อมูลวิจัย” ณ ห้อง Diamond Ballroom โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี เพื่อเปิดตัวเว็บไซต์ Policy Research Platform (PRP) ฐานข้อมูลวิจัยด้านการต่อต้านการทุจริต โดยมีนางจันทิรา จิตรชื่น ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เกียรติเปิดการสัมมนาฯ และมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาจากภาครัฐ นักวิชาการ และภาคประชาสังคมกว่า 400 คน ทั้งการเข้าร่วม ณ สถานที่จัดประชุมและผ่านระบบออนไลน์ เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

 

          ในช่วงการเสวนา หัวข้อ “ขับเคลื่อนนโยบายต้านทุจริตด้วยฐานข้อมูลวิจัยและ AI” ดำเนินการโดย ดร.ฉันท์ชนก เจนณรงค์ นักวิจัยสังคมศาสตร์ชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยและบริการวิชาการฯ การเสวนาได้ให้ความสำคัญกับการนำฐานข้อมูลงานวิจัยและการใช้ AI เพื่อให้องค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้จริง โดยนายวันชัย สีขาว ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริต สำนักวิจัยและบริการวิชาการฯ ได้ให้ข้อมูลว่า “PRP” มีที่มาจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการรวบรวมและพัฒนางานวิชาการด้านการต่อต้าน
การทุจริต บทบาทของสำนักวิจัยและบริการวิชาการฯ ที่เป็นศูนย์กลางทางวิชาการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีหน้าที่สำคัญในการรวบรวมผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการ และสร้างเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงข้อเสนอแนะจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่ให้ข้อเสนอแนะว่าการสร้างธรรมาภิบาลควรมีการนำเทคโนโลยีและ AI มาประยุกต์ใช้ PRP จึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อทำให้งานวิจัยที่ถูกนำมาใช้จริงเพื่อเชื่อมโยงสู่การกำหนดนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

 

          รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า PRP สอดคล้องกับการดำเนินงานของ สกสว.ที่ให้ความสำคัญกับการ “ติดตามการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริง” โดย สกสว.มีระบบรายงานผลการใช้ประโยชน์ต่อเนื่อง 5 ปี และสนับสนุนทุนการวิจัยหลายประเภทเพื่อให้งานวิจัยไม่หยุดเพียงผลผลิตทางวิชาการ แต่สามารถขับเคลื่อนเป็นนโยบายและพัฒนาให้กฎหมาย ที่สำคัญคือ PRP ยังใช้ AI ช่วยสรุปและเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ สกสว.ในการผลักดันให้สังคมเข้าถึงงานวิชาการได้มากขึ้น

 

          นอกจากนี้ การแก้ปัญหาทุจริตในสังคมไทยไม่อาจสำเร็จได้เพียงโดยหน่วยงานรัฐเพียงลำพังโดย ดร.มานะ นิมิตมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เห็นว่าการแก้ปัญหาการทุจริตจำเป็นต้องอาศัย พลังประชาชน แต่ปัจจุบันสังคมไทยยังขาดทั้งความรู้ ความเข้าใจ และความมั่นใจในการมีส่วนร่วม การมีข้อมูลและงานวิจัยที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากข้อมูลถูกนำเสนอในภาษาที่เข้าใจง่ายจะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้ ดังนั้น ระบบ PRP จึงไม่ควรถจำกัดอยู่เพียงแค่ฐานข้อมูลสำหรับผู้มีอำนาจ แต่ควรเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐได้อย่างเสรี การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและเข้าใจงานวิจัย จะช่วยสร้างความตระหนักและเพิ่มความเข้มแข็งในการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างแท้จริง

 

          ขณะที่คุณธิปไตร แสละวงษ์ นักวิจัยอาวุโส จาก TDRI มองว่า “PRP” เป็นเพียง จุดเริ่มต้นของการพัฒนาฐานข้อมูลงานวิจัยด้านการทุจริต และเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบาย แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การนำงานวิจัยไปใช้จริงยังจำเป็นต้องต่อยอดในหลายมิติ ทั้งการเชื่อมโยงกับหน่วยงานนโยบาย การบูรณาการกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสิ่งที่ทุกท่านเน้นย้ำ คือ ความสำเร็จของ PRP อยู่ที่การต่อยอดและการใช้ประโยชน์จริง การมีข้อมูลจำนวนมากจะมีคุณค่าได้ก็ต่อเมื่อมีการนำไปใช้ในการปฏิบัติและสนับสนุนการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำหนดนโยบายหรือประชาชนผู้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ

 

          สำหรับช่วงการะดมสมอง “Future Insight: ใช้งาน PRP อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภารกิจต้านทุจริต" นำโดย ดร. รัฐศาสตร์  กรสูต รองผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สามารถสรุปได้ว่าการที่ PRP ถูกออกแบบให้เป็นฐานข้อมูลรวบรวมองค์ความรู้ด้านต่อต้านการทุจริต พร้อมใช้ AI เป็นเครื่องมือในการประมวลผลระบบหลังบ้านเพื่อช่วยสรุปและวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและต่อยอดองค์ความรู้ได้สะดวกและเข้าใจง่ายมากขึ้น โดยผู้เข้าร่วมการระดมสมองมีความเห็นตรงกันว่าการย่อยข้อมูลทางวิชาการให้ง่ายต่อความเข้าใจและการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่น ๆ จะช่วยสร้างฐานข้อมูล
ทางวิชาการด้านต่อต้านการทุจริตให้มีความครบถ้วนและเชื่อถือได้ ซึ่งจะทำให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการต่อต้านการทุจริตตามบทบาทของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

          การพัฒนา PRP ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแหล่งข้อมูลวิจัยที่เชื่อถือได้ สะดวกต่อการเข้าถึง และสามารถใช้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ในการวางนโยบายและมาตรการต่อต้านการทุจริต อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมโยงภาคส่วนต่าง ๆ ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ผู้ที่ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและมีร่วมในการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล PRP ได้ที่ prp.nacc.go.th

 

-------------------------------------------------------------

Related