Contrast
Font
9e73d3715c1aa4c61fbd7957b1748a5b.jpg

ป.ป.ช. จับมือหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย เปิดเวทีความร่วมมือ ด้านการป้องกันการทุจริต ขับเคลื่อนไทยสู่มาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั่วโลก

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 41

01/09/2568

ป.ป.ช. จับมือหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย เปิดเวทีความร่วมมือ ด้านการป้องกันการทุจริต ขับเคลื่อนไทยสู่มาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั่วโลก

 

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) โดยสำนักพัฒนาและส่งเสริมธรรมาภิบาล จัดกิจกรรม “การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand: JFCCT) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเอส 31 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศ หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และองค์กรต่อต้านการทุจริตเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

 

     การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเวทีหารือ แลกเปลี่ยนมุมมอง และสะท้อนปัญหาอุปสรรคด้านการทุจริตที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติประสบในประเทศไทย โดยเฉพาะประเด็น ความเสี่ยงในการให้สินบนและการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐ พร้อมทั้งเป็นการนำเสนอแนวทางการปรับปรุงกฎหมายและกลไกภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ตลอดจนการเตรียมความพร้อม ของประเทศไทยในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD)

 

     นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเปิดงานว่า ความร่วมมือกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยไปสู่ ระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรม ซึ่งสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ได้แก่ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต(United Nations Convention against Corruption: UNCAC) และอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ

 

     ด้าน นางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลียร์วาก (Mrs. Vibeke Lyssand Leirvag) ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีในการเปิดการสัมมนา และได้กล่าวถึงพัฒนาการความร่วมมือ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 ที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านธรรมาภิบาลและการต่อต้านการทุจริตของภาคเอกชน, ปี 2019 การจัดสัมมนาร่วมเรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต, ปี 2022 การจัดสัมมนาระดับสูง “Ending Corruption: Key to Boosting Investment in Thailand” ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในการ เสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ให้มั่นใจว่าประเทศไทยจริงจังในการแก้ไขปัญหาทุจริตในเชิงโครงสร้าง ทั้งในภาครัฐและเอกชน อันจะช่วยยกระดับคะแนน ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

     สำหรับปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) JFCCT ได้เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ โดยเน้น 4 ประเด็นความร่วมมือสำคัญ ได้แก่

  1. Policy & Legal Frameworks – เสนอข้อคิดเห็นเชิงปฏิบัติเพื่อพัฒนากฎหมายและนโยบายให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ UNCAC และ OECD
  2. Capacity Building & Awareness – ร่วมพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมและสร้างความตระหนักรู้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และนักลงทุนรายใหม่
  3. Practical Mechanisms – สนับสนุนการใช้ Integrity Pact การจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส การคุ้มครอง ผู้แจ้งเบาะแส และการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อลดช่องว่างการทุจริต
  4. Rule of Law – การยึดมั่นในหลักนิติธรรมเพื่อให้กฎหมายมีความเป็นธรรมและมีผลบังคับใช้จริง

     

การสัมมนายังมีการอภิปรายใน 2 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ (1) การเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และการปรับปรุงกฎหมายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ (OECD Anti-Bribery Convention) และ (2) การขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตของภาคเอกชน  โดยมีผู้แทนองค์กรสำคัญเข้าร่วม อาทิ นายพรหเมศร์ เบ็ญจรงค์กิจ ผู้อำนวยการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Collective Action Coalition: CAC), นายกิตติเดช ฉันทังกูล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (Anti-Corruption Organization of Thailand: ACT) รวมถึงผู้แทนจากหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งได้ร่วมสะท้อนปัญหา เสนอแนวทางเชิงปฏิบัติ และแลกเปลี่ยนมุมมองในการสร้างระบบธุรกิจที่โปร่งใสและตรวจสอบได้

 

     นายศรชัย ชูวิเชียร กล่าวเพิ่มเติมว่า “การสัมมนาครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากภาคธุรกิจต่างชาติได้สะท้อนประสบการณ์จริง เพื่อเป็นข้อมูลเชิงนโยบายที่สำนักงาน ป.ป.ช. จะนำไปใช้ปรับปรุงมาตรการและกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

 

     ทั้งนี้ การเสริมสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) และสร้างความเชื่อมั่นในสายตานานาชาติ ว่าประเทศไทยมีความจริงจังและต่อเนื่องในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล อันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต่อไป อนี่ง สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ย้ำเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการเชิงรุกและร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกับภาคธุรกิจและองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อสร้าง “บรรยากาศการลงทุนที่โปร่งใส เป็นธรรม และมีเสถียรภาพ” ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน

Related