Contrast
Font
1cd9645eea5955aac6f0690cb5087430.png

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมจำนวน 3 เรื่อง

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 1019

03/09/2568

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมจำนวน 3 เรื่อง

วันนี้ (3 กันยายน 2568) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมจำนวน 3 เรื่อง ดังนี้  

เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา พันตำรวจโท ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยึดถือ และครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 2 งาน 88 ตารางวา ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยมิชอบ

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า พันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ได้เข้ายึดถือและครอบครองที่ดินที่ตั้งอยู่บ้านหินชะโงก หมู่ที่ 5 (หรือบ้านปางสามัคคี หมู่ที่ 16 ในปัจจุบัน) ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 2 งาน 88 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐที่มีไว้เพื่อประโยชน์ในการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรไว้ทำกินตามกฎหมายการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และภายหลังจากที่พันตำรวจโท ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเข้าปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้แล้ว พันตำรวจโท ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์ ยังคงยึดถือและครอบครองที่ดินดังกล่าวเรื่อยมา ทั้งที่ทราบดีว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติที่จะมีสิทธิได้รับการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื่องจากไม่ได้เป็นเกษตรกรหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีเงินเดือนหรือมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพอยู่แล้ว อีกทั้งเมื่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกำแพงเพชรได้ออกประกาศให้เกษตรกรหรือบุคคลที่ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินเดิม มายื่นคำขอเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน พันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ก็ยังคงเพิกเฉยไม่แจ้งการครอบครองหรือยื่นคำขอเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือส่งมอบที่ดินดังกล่าวคืนให้กับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นำไปดำเนินการจัดที่ดินให้กับเกษตรกรหรือผู้มีสิทธิตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินต่อไป การกระทำดังกล่าวของพันตำรวจโท ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์ จึงเป็นการยึดถือและครอบครองที่ดินของรัฐที่มีไว้เพื่อประโยชน์ในการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรไว้ทำกินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

               คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

การกระทำของพันตำรวจโท ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์ เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ฐานกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันมีลักษณะร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ประกอบข้อ 3 วรรคสอง และข้อ 27 วรรคสอง

ให้เสนอเรื่องการกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามฐานความผิดดังกล่าว ต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87

เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายกฤษณะพงศ์ พู่สกุลสถาพร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก สั่งแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในการรังวัดสอบเขตที่ดิน ตามหลักฐานโฉนดที่ดินเลขที่ 2186 และ 2192 ตำบลลาดบัวขาว  อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายกฤษณะพงศ์ พู่สกุลสถาพร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก กรณีรังวัดสอบเขตและรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนด และ น.ส.3 ก. บริเวณสนามกอล์ฟเมาน์เท่นครีก รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเด้นซ์ ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในนามเดิมและแบ่งหักเป็นทางสาธารณประโยชน์จำนวนหลายแปลงรุกล้ำที่ดิน ส.ป.ก. และที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายประยุทธ มหากิจศิริ กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) กับพวก โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการดำเนินการดังกล่าว มีการรังวัดที่ดินโฉนดเลขที่ 2186 และ 2192 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แบ่งแยกในนามเดิมและแบ่งหักเป็นทางสาธารณประโยชน์รุกล้ำที่ดิน ส.ป.ก. จึงให้ยกเหตุอันควรสงสัยขึ้นดำเนินการไต่สวนเป็นคดีนี้

จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อปี พ.ศ. 2550 บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) กับพวก ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 2186 เนื้อที่ 52-1-85 ไร่ และเลขที่ 2192 เนื้อที่ 77-2-85 ไร่ และที่ดินแปลงอื่นทั้งที่  มีเอกสารสิทธิและไม่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อจัดทำเป็นสนามกอล์ฟ โดยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 และ 29 ตุลาคม 2551 นายประทีป  แสวงลาภ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 2186 และเลขที่ 2192 ในนามเดิมและแบ่งหักที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์ และเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนางสาวอุษณา มหากิจศิริ ผู้ครอบครองที่ดินข้างเคียง ซึ่งเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ให้ไประวังชี้แนวเขตและรับรองแนวเขตที่ดิน โดยในการรังวัดและนำชี้แนวเขตนั้น นายกฤษณะพงศ์ พู่สกุลสถาพร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว และนายเทียมศักดิ์  จินดา หัวหน้าฝ่ายรังวัด ได้สั่งการให้นายอุดม  ไชยชะนะ นายช่างรังวัด ดำเนินการรังวัดโดยนำที่ดินนอกหลักฐานซึ่งเป็นที่ดิน ส.ป.ก. เข้ามารวมเป็นโฉนดที่ดินที่ขอรังวัดสอบเขต ทำให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 2186 มีเนื้อที่มากกว่าเดิม 15-2-69 ไร่ และที่ดินโฉนดเลขที่ 2192 มีเนื้อที่มากกว่าเดิม 3-2-38 ไร่ และนายภักดี  ภักดีเมฆ นายช่างสำรวจ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ไม่ได้เข้าร่วมระวังชี้แนวเขตตามที่รับมอบหมาย แต่กลับลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตที่ดิน ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 นายกฤษณะพงศ์  พู่สกุลสถาพร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว ได้สั่งแก้ไข รูปแผนที่และเนื้อที่ดินให้เป็นไปตามแนวเขตที่รังวัดซึ่งแตกต่างจากหลักฐานเดิม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายประยุทธ มหากิจศิริ และกลุ่มบริษัทในเครือ ในการนำที่ดินดังกล่าวไปจัดทำเป็นสนามกอล์ฟเมาน์เท่นน์ครีก รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเด้นซ์

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้

  1. การกระทำของนายกฤษณะพงศ์ พู่สกุลสถาพร และนายเทียมศักดิ์ จินดา  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
  2. การกระทำของนายภักดี ภักดีเมฆ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
  3. การกระทำของนายประยุทธ มหากิจศิริ นายประทีป แสวงลาภ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท โพสโค - ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) นายฌ็อง ปอล  เทเวอแน็ง กรรมการบริษัท และนางสาวอุษณา  มหากิจศิริ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนการกระทำหรือคำสั่งอันมิชอบหรือเพิกถอนโฉนดที่ดิน เลขที่ 2192 และ 2186 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง แล้วแต่กรณี

ให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแก้ไขแผนที่และเนื้อที่ในการรังวัดแบ่งแยกในนามเดิมและแบ่งหักเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2192 และ 2186 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมิชอบ ให้กรมที่ดินทราบ เพื่อดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิที่เกี่ยวข้อง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ต่อไป

เรื่องที่ 3 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหานายวิสูตร หล่าสกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการที่ดินชำนาญการ กรมที่ดิน ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดเลย – หนองบัวลำภู กับพวก ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 54417 เลขที่ดิน 360 ตำบลปากปวน อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กระทรวงมหาดไทยมีประกาศ กำหนดให้จังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และกรมที่ดินได้มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามโครงการเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในพื้นที่จังหวัดเลย - หนองบัวลำภู ประกอบด้วย นายวิสูตร หล่าสกุล นักวิชาการที่ดินชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจฯ นางกานต์ชนิต ชูอิฐจีน เจ้าพนักงานที่ดินชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ นายสาโรจน์ สังข์เนตร นายช่างรังวัดชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่ ผู้กำกับการรังวัด นายประจักษ์ โลกายุทธ์ เจ้าพนักงานธุรการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้สอบสวนสิทธิ และนายมานพ สังข์ทิศา นายช่างรังวัดชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่ผู้เดินสำรวจรังวัด                             

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 นายชัยรัชต์ พรหมมา ผู้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลปากปวน อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ได้นำเจ้าพนักงานที่ได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งดังกล่าวทำการสำรวจพิสูจน์ที่ดิน  โดยรับรองว่าได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่ขอออกโฉนดเป็นไร่ยูคาลิปตัสเต็มพื้นที่ และไม่ใช่ที่เขา ที่ภูเขา ที่สาธารณประโยชน์ ที่สงวนหวงห้าม และไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร โดยมีนายนิยม ดวงศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากปวน ลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตที่สาธารณประโยชน์โดยมิได้ทำการตรวจสอบพื้นที่จริง มีนายบุญรักษ์ สารวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ลงลายมือชื่อรับรองการทำประโยชน์และรับรองแนวเขตที่ดินดังกล่าว ทั้งที่ที่ดินที่ขอออกโฉนดตั้งอยู่ในพื้นที่เขาหรือภูเขา และไม่มีการทำประโยชน์เต็มพื้นที่ตามที่นำเดินสำรวจ ต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ประกอบกับขณะที่มีการเดินสำรวจ นายชัยรัชต์ พรหมมา ยังมิได้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน โดยปรากฏตามหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ว่านายชัยรัชต์ พรหมมา ได้ซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดินเดิมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2553 แต่เจ้าพนักงานที่ได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งดังกล่าวกลับเสนอให้มีการออกโฉนดที่ดิน และนายวิสูตร หล่าสกุล ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจฯ ได้ลงนามออกโฉนดที่ดินเลขที่ 54417 เลขที่ดิน 360 หน้าสำรวจ 5893 ระวาง IV 8818 ตำบลปากปวน อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เนื้อที่ 35 - 1 - 80 ไร่ ให้แก่นายชัยรัชต์ พรหมมา เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 โดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติ ดังนี้ 

  1. การกระทำของนายวิสูตร หล่าสกุล นางกานต์ชนิต ชูอิฐจีน นายสาโรจน์ สังข์เนตร นายประจักษ์ โลกายุทธ์ และนายมานพ สังข์ทิศา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
  2. การกระทำของนายนิยม ดวงศรี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
  3. 3. การกระทำของนายบุญรักษ์ สารวงษ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157
  4. การกระทำของนายชัยรัชต์ พรหมมา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยัง อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ ให้แจ้งกรมที่ดินเพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 54417 เลขที่ดิน 360 หน้าสำรวจ 5893 ระวาง IV 8818 ตำบลปากปวน อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เนื้อที่ 35 - 1 - 80 ไร่ ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดินตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

................................................

การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด

ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Related