Contrast
Font
1095af59a18ac04c3adfd51a3603a016.jpg

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 2 เรื่อง

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 215

06/11/2568

วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวมจำนวน 2 เรื่อง ดังนี้

เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กับพวก ทุจริตการจัดซื้อเครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกายกลางแจ้งสำหรับเยาวชนพร้อมติดตั้ง ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการชุมชนสำหรับเยาวชน จังหวัดร้อยเอ็ด ปีงบประมาณ 2556

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกายกลางแจ้ง สำหรับเยาวชนพร้อมติดตั้ง ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งเที่ยวเชิงนันทนาการชุมชนสำหรับเยาวชนจังหวัดร้อยเอ็ด วงเงินงบประมาณ 8,000,000 บาท โดยวิธีพิเศษ ตามที่สำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเสนอ ทั้งที่การจัดซื้อเครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกายดังกล่าว มีวงเงินตั้งแต่ 2,000,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งจะต้องดำเนินการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่มีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องดำเนินการจัดซื้อโดยเร่งด่วนโดยใช้วิธีพิเศษได้ โดยในขั้นตอนการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะและราคากลาง (TOR) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการได้นำขนาดความกว้าง ความสูง และความยาวของอุปกรณ์ที่จะจัดซื้อมาจาก บริษัท ภูริอินเตอร์ จำกัด บริษัท ภาณี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ไทยเวิร์คฟิตเนส จำกัด ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ประกอบอาชีพขายเครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกาย และทำการสืบราคาจากกลุ่มประกอบการเดียวกัน รวมทั้งในขั้นตอนการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ผู้เสนอราคาจำนวน 3 ราย ได้ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ภูริอินเตอร์ จำกัด เป็นผู้ชนะการเสนอราคาและมีสิทธิเข้าทำสัญญากับกรมการท่องเที่ยว ตามสัญญาเลขที่ 17/2557 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2556 วงเงิน 7,900,000 บาท ซึ่งต่อมาความปรากฏว่าเครื่องเล่นนันทนาการและออกกำลังกายที่จัดซื้อดังกล่าวได้นำไปติดตั้งที่โรงเรียน วัด และองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งมิใช่แหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ หรือสถานที่ที่อาจพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นในอนาคต ตามวัตถุประสงค์ของโครงการแต่อย่างใด


คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นางพัชณีย์ ยงยอด ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ และคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แล้วแต่กรณี
2. การกระทำของกรรมการบริษัท ภูริอินเตอร์ จำกัด และเอกชนอื่นที่เกี่ยวข้อง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป

เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายณรงค์ คงคำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กับพวก ทุจริตเงินอุดหนุนสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ปีงบประมาณ 2560 ที่จัดสรรให้กับศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยโสธร

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อปีงบประมาณ 2560 ก่อนที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งให้แก่นิคมสร้างตนเองและศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง นายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้สั่งการไปยัง นายประยุทธ พานิชนอก ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองปราสาท จังหวัดสุรินทร์ แจ้งให้นายดิเรก มังคละ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยโสธร ทราบว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะจัดสรรเงินงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งให้แก่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยโสธร โดยจะต้องนำส่งเงินกลับคืนให้แก่ส่วนกลางจำนวนร้อยละ 20 ของเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ต่อมาเมื่อศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดยโสธรได้รับโอนเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ปีงบประมาณ 2560 จำนวน 2 ครั้ง เป็นเงินรวม 3,500,000 บาท แล้ว นายดิเรก มังคละ ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการประสานขอความร่วมมือกลุ่มฝึกอาชีพและกลุ่มกองทุนต่าง ๆ ให้คืนเงินสงเคราะห์ร้อยละ 20 โดยหักเก็บไว้กับนายดิเรก มังคละ ซึ่งเป็นการจ่ายเงิน ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามหลักฐานการเบิกจ่ายและตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยการสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2552 ทั้งนี้ เพื่อนำเงินที่หักเก็บไว้ดังกล่าวรวม จำนวน 600,000 บาท ส่งมอบให้นายประยุทธ พานิชนอก ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และนายเวชชยันต์ ศีรษะโคตร ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดหนองคาย เพื่อรวบรวมเงินส่งคืนให้กับนายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ตามที่ได้สั่งการไว้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของนายณรงค์ คงคำ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของนายดิเรก มังคละ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. การกระทำของนายประยุทธ พานิชนอก และนายเวชชยันต์ ศีรษะโคตร มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
สำหรับความผิดทางวินัย เนื่องจากสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีคำสั่งลงโทษไล่นายณรงค์ คงคำ ออกจากราชการ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้มีคำสั่งลงโทษปลดนายดิเรก มังคละ และนายประยุทธ พานิชนอก ออกจากราชการ และมีคำสั่งลงโทษไล่นายเวชชยันต์ ศีรษะโคตร ออกจากราชการ ในการกระทำความผิดในเรื่องนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้อง
ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยอีก
ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) ต่อไป

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

**************************************

"การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด"

Related