Contrast
Font
8be3dcb3da925fc092a406213b4a9b94.jpg

⚖️ ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร 📜

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด
จำนวนผู้เข้าชม: 149

10/07/2567
⚖️ ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร 📜
เมื่อวันศุกร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คมจ. ๔/๒๕๖๔ คดีหมายเลขแดงที่ คมจ. ๑/๒๕๖๖ ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ผู้คัดค้าน เรื่อง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
คดีนี้ สืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ ๒ ในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑
ผู้คัดค้านให้การปฏิเสธ
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า คณะกรรมการไต่สวนมีดุลพินิจที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานใดน่าจะพิสูจน์ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดหรือบริสุทธิ์และสมควรนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนของตนเพื่อวินิจฉัยชี้มูลความผิดแก่ผู้ถูกกล่าวหา กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องมิได้กำหนดให้เรียกพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาประสงค์จะให้เรียกนั้นทุกกรณี หากเห็นว่าเป็นกรณีจงใจประวิงเวลา ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือพยานหลักฐานนั้นไม่มีผลต่อการวินิจฉัยก็สามารถปฏิเสธได้ เพียงแต่ต้องบันทึกเหตุนั้นไว้ในสำนวน คณะกรรมการไต่สวนปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าวแล้ว ผู้คัดค้านมีสิทธิอ้างและขอนำพยานหลักฐานต่าง ๆ มานำสืบเพื่อแก้ข้อกล่าวหาในประเด็นที่ถูกกล่าวหาได้ ไม่ปรากฏพฤติการณ์อันแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการไต่สวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้าง
ผู้ร้องมีนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลซึ่งเป็นประจักษ์พยาน นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และนางนันทนา สงฆ์ประชา อนุกรรมาธิการและเลขานุการของคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ ๒ เบิกความยืนยันข้อเท็จจริงต้องกันในสาระสำคัญว่า ผู้คัดค้าน ให้นางนันทนาโทรศัพท์หานายศักดิ์ดา และนายภาดล ซึ่งมีกำหนดเข้าชี้แจงงบประมาณในวันรุ่งขึ้นให้โทรศัพท์หาผู้คัดค้าน และผู้คัดค้านพูดคุยโทรศัพท์กับนายศักดิ์ดาและนายภาดลหลายครั้ง เรียกเงินหรือขอผลประโยชน์จากโครงการในการจัดทำคำของบประมาณ เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งผู้คัดค้านยอมรับว่าโทรศัพท์หานายศักดิ์ดาและนายภาดลจริง เพียงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกรับเงิน เห็นได้ว่าการโทรศัพท์ติดต่อระหว่างผู้คัดค้านกับนายศักดิ์ดาและนายภาดลเกิดขึ้นในระยะเวลาต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ ผู้ร้องยังมีพยานบุคคลแวดล้อมอื่นยืนยันชี้ให้เห็นถึงพฤติการณ์ตามคำร้อง สนับสนุนคำเบิกความของประจักษ์พยาน
ให้มีน้ำหนัก ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่าไม่ได้โทรศัพท์เรียกเงินจากนายศักดิ์ดา เพียงแต่ขอให้เตรียมแบบแปลนและประมาณราคามาเพื่อพิจารณาในวันรุ่งขึ้นตามหน้าที่นั้น มีผู้คัดค้านเบิกความเพียงลำพัง ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการไต่สวนพยานบุคคลอื่น และแนวปฏิบัติของคณะกรรมาธิการหรืออนุกรรมาธิการที่ชอบจะแจ้งให้ฝ่ายเลขานุการการประชุมดำเนินการแทน โดยไม่จำเป็นจะต้องโทรศัพท์ติดตามเอกสารด้วยตนเอง อันจะเป็นเหตุให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่ต้องชี้แจงทราบล่วงหน้าและเป็นช่องทางให้เกิดการสมรู้เพื่อให้มีการผ่านการพิจารณางบประมาณได้ ส่วนที่ต่อสู้ว่านายศักดิ์ดามีสาเหตุโกรธเคืองมาก่อนนั้น แม้จะมีพยานบุคคลมาเบิกความตรงกับที่ผู้คัดค้านให้การไว้ในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ตาม แต่ผู้คัดค้านไม่ได้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นทันทีที่มีโอกาสกลับปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป ทั้งเหตุที่อ้างก็ไม่ใช่สาเหตุส่วนตัวอันร้ายแรงถึงขนาดต้องปั้นแต่งเรื่องขึ้น จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และที่ต่อสู้ว่าอนุกรรมาธิการไม่มีอำนาจปรับลดงบประมาณนั้น แม้คณะอนุกรรมาธิการจะไม่มีอำนาจในการพิจารณาปรับลดงบประมาณโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็มีอำนาจทำรายงานเสนอความเห็นต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อให้ความเห็นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คัดค้านเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เองด้วย ย่อมมีอำนาจแสดงความคิดเห็นสนับสนุนรายงานที่คณะอนุกรรมาธิการฯ จัดทำขึ้นซึ่งอาจให้คุณและให้โทษแก่หน่วยงานที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณได้ ข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านจึงฟังไม่ขึ้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านในฐานะอนุกรรมาธิการฯ โทรศัพท์หาอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลซึ่งมีกำหนดเข้าชี้แจงงบประมาณในวันรุ่งขึ้น เพื่อเรียกเงินหรือขอผลประโยชน์จากโครงการในการจัดทำคำของบประมาณ โดยอาศัยที่ตนมีอำนาจหน้าที่เสนอปรับลดงบประมาณ อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
พิพากษาว่า นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๓๕ วรรคหนึ่ง (๑) ประกอบมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๗, ๘, ๙ ประกอบข้อ ๒๗ วรรคหนึ่ง ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร นับแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไปและไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกำหนดเวลา ๑๐ ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา

Related