Contrast
Font
banner_default_3.jpg

การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของของผู้มีหน้าที่ยื่น ซึ่งได้ยื่นกรณีเข้ารับตำแหน่งไว้แล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (กรณีมีหน้าที่ยื่นก่อน พรป. 2561 มีผลใช้บังคับ) จะมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอย่างไร

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 1308

27/07/2564

การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้มีหน้าที่ยื่น ซึ่งได้ยื่นบัญชีกรณีเข้ารับตำแหน่งไว้แล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (กรณีมีหน้าที่ยื่นก่อน พรป. 2561 มีผลใช้บังคับ)

(1) ผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 39 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งหรือกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งไว้แล้ว และยังดำรงตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีตลอดมาโดยมิได้เปลี่ยนตำแหน่งให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งทุกสามปีต่อไปนับแต่วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งหรือกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งที่ได้ยื่นไว้ล่าสุด

(2) กรณีผู้ยื่นตาม (1) ย้ายไปดำรงตำแหน่งใหม่ตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 หรือตำแหน่งตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งใหม่ และจะนับระยะเวลายื่นกรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนับแต่วันเข้ารับตำแหน่งใหม่

(3) กรณีที่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อาทิ รองปลัดกระทรวง รองอธิบดี สรรพากรภาค สรรพสามิตพื้นที่ นายด่านศุลกากร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ผู้บัญชาการเรือนจำ เป็นต้น และยังคงดำรงตำแหน่งดังกล่าวตลอดมาจนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม ๒๕๖๑ (วันที่ พ.ร.ป. 2561 มีผลใช้บังคับ) ปัจจุบันยังไม่พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นับแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งจะมีหน้าที่ยื่นบัญชีในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เว้นแต่กรณีตาม (๔) หรือ (๕)

4) กรณีผู้ยื่นบัญชีตาม (3) ย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นใดตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ผู้นั้นต้องยื่นพ้นจากตำแหน่งและยื่นกรณีเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยจะมีหน้าที่ยื่นกรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งครั้งล่าสุด

(5) กรณีผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีตาม (3) ย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นใดตามมาตรา 39 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ผู้นั้นต้องยื่นกรณีเข้าพ้นจากตำแหน่ง (เดิม) และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (ใหม่) และจะมีหน้าที่ยื่นกรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งครั้งล่าสุดหรือกรณีพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วแต่กรณีใดมาถึงก่อน

(6) 1. กรณีได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งไว้แล้วตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง กำหนดตำแหน่งของเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 103

พ.ศ. 2561 และคงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมาโดยตลอดมีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ กรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐการนับระยะเวลาทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้นับแต่วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งแรกแม้ต่อมาจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น แม้ตำแหน่งนั้นจะเป็นตำแหน่งที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดให้มีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ หรือไม่มีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ ก็ตาม

  1. กรณีผู้ยื่น (1) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจอีกตำแหน่งไม่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจดังกล่าวตามมาตรา 105 วรรคห้า แต่จะมีหน้าที่ยื่นกรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามระยะเวลาการยื่นบัญชีของข้าราชการทหารได้ยื่นเข้าไว้ครั้งแรก หรือกรณีพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วแต่กรณีใดมาถึงก่อน

 

Related