จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 132
ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตาก เฝ้าระวังการทุจริต “กรณีการใช้รถยนต์หลวงในภารกิจส่วนตัว”
วานนี้ (18 ตุลาคม 2566) นายสนธยา ยาพิณ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตาก มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตาก ลงพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังการทุจริต กรณีได้รับแจ้งเบาะแสเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม “กรณีการใช้รถยนต์หลวง
ในภารกิจส่วนตัว และการเบิกจ่ายน้ำมันโดยมิชอบ” ณ หมวดบำรุงทางหลวงชนบทแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
จากการลงพื้นที่ และสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อมูลว่า หมวดบำรุงทางหลวงชนบทแม่สอด ได้ใช้น้ำมันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แก๊สโซฮอล์ 95 และดีเซล โดยมีถังสำหรับจัดเก็บน้ำมันดีเซล
ขนาด 15,000 ลิตร พร้อมหัวจ่ายน้ำมันใช้สำหรับรถยนต์ ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 บรรจุในถังขนาด 300 ลิตร ใช้กับอุปกรณ์บำรุงต่าง ๆ เช่น เครื่องตัดหญ้า โดยจะมีการเติมน้ำมันเข้าคลังน้ำมัน เฉลี่ย 2-3 เดือน/ครั้ง ครั้งละ
6,000 ลิตร โดยประมาณ ในประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อแนะนำว่า ควรมีการตรวจสอบการเติมน้ำมันเป็นประจำ และมีเจ้าหน้าที่ในการกำกับดูแลมากกว่า 1 คน หรือจัดทำมาตรการเพื่อป้องกันการนำน้ำมันไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ในประเด็นการเก็บบำรุงรักษาและการขออนุญาตการใช้รถยนต์ เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า หน่วยงานมีการมอบหมายให้พนักงานธุรการเป็นผู้จัดเก็บรักษากุญแจรถยนต์เพียงคนเดียว ไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่สำคัญ ในประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อแนะนำว่า ควรจัดทำคำสั่งมอบหมายผู้รับผิดชอบในการเก็บรักษากุญแจรถยนต์ อย่างน้อย 3 ราย รวมทั้งควรกรอกข้อมูลและรายละเอียดในแบบฟอร์มเบิกน้ำมันให้ครบถ้วน ควรเก็บรักษากุญแจในที่ที่ที่ล็อกได้
ควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดต่าง ๆ เช่น ห้องเก็บรักษากุญแจ บริเวณหัวจ่ายน้ำมัน คลังน้ำมัน และอุปกรณ์วัสดุต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การทุจริตในกรณีข้างต้นได้
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตาก ได้กำชับให้ปฏิบัติตามระเบียบราชการ ให้ใช้เฉพาะในงานราชการและเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่นำรถของทางราชการไปใช้ในภารกิจส่วนตัว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังมิให้เกิดการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และเกิดความเสียหายแก่รัฐ