จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม
จำนวนผู้เข้าชม: 193
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม ขอแถลงผลการดำเนินงานประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ดังนี้
1. การลงพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตาม และสังเกตการณ์การดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
ในช่วงวันที่ 1 – 16 กรกฎาคม 2567 นายเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต ดำเนินการลงพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตาม และสังเกตการณ์การดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 12 แห่ง ประกอบด้วย
1) ร.ร.บ้านท่าสองคอน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1
2) ร.ร.บ้านหนองคู สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1
3) ร.ร.บ้านบ่อใหญ่ (บ่อใหญ่เรืองศิลป์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1
4) ร.ร.บ้านโคกบัวค้อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1
5) ร.ร.หัวหมูวิทยาสรรค์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2
6) ร.ร.บ้านมะโบ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2
7) ร.ร.บ้านหนองไฮ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2
8) ร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 16 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2
9) ร.ร.บ้านทัพม้าดอนหันแวงวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3
10) ร.ร.บ้านสำโรงหัวนาโนนจันทร์หอม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3
11) ร.ร.หนองโกวิทยกิจ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3
12) ร.ร.ชุมชนโพนงามโพนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3
โดยมีข้อสังเกตจากการเฝ้าระวังและตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันนักเรียน ดังนี้
1) สถานศึกษาบางแห่งได้รับโอนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นล่าช้า และบางแห่งมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นในภายหลังจากที่แจ้งจำนวนไปยัง อปท.แต่ก็ไม่ได้รับโอนงบประมาณเพิ่มตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
2) สถานศึกษาบางแห่งให้ข้อมูลและแสดงเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้องว่าเป็นการจ้างเหมาประกอบอาหาร (ปรุงสำเร็จ) (บุคคลภายนอกจัดซื้อวัตถุดิบและประกอบอาหาร) แต่จากการสอบถามผู้ประกอบอาหารได้ให้ข้อมูลว่าได้รับค่าจ้างเป็นรายวันในการประกอบอาหาร ซึ่งอาจเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ
3) กรณีที่สถานศึกษาจัดอาหารกลางวันให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นรับประทานด้วย โดยเป็นเมนูเดียวกันจากผู้ประกอบการเดียวกัน แต่ใช้วิธีให้นักเรียนซื้อในราคาจานละ 15 - 20 บาท เป็นกรณีที่มีความเสี่ยงที่อาจมีการแสวงหาผลประโยชน์โดยการใช้งบประมาณโครงการอาหารกลางวันที่ได้รับจัดสรรมาประกอบอาหารแล้วจำหน่ายให้นักเรียน
4) สถานศึกษาบางแห่งไม่สามารถแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการอาหารกลางวันที่เป็นปัจจุบันตามที่ขอดูได้ได้ โดยให้เหตุผลว่าปัจจุบันเป็นการใช้รูปแบบวิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบใหม่ซึ่งผู้รับผิดชอบยังขาดความเชี่ยวชาญจึงจัดทำเอกสารยังไม่แล้วเสร็จเป็นปัจจุบัน แต่มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วจำนวนหลายงวดตั้งแต่เปิดภาคเรียน
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม จะได้เสนอข้อสังเกตไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด เพื่อดำเนินการให้ข้อแนะนำนิเทศติดตามสถานศึกษาในสังกัดอย่างเคร่งครัดต่อไป
2. สนับสนุนบุคลากรเป็นวิทยากรส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้กับหน่วยงานภายนอก
2.1 วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.30 - 11.00 น. ที่โรงแรมตักสิลา มหาสารคาม จ.มหาสารคาม นายเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรในการบรรยายความรู้หัวข้อ "ความตระหนักรู้การป้องกันการทุจริตไม่ทนต่อการทุจริต เฝ้าระวังแจ้งเบาะแส ให้ข้อมูลเชิงลึกในระดับพื้นที่ให้ข้อเสนอแนะและการปรับพฤติกรรมร่วมต้านทุจริต" ตามโครงการโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายประชาสัมพันธ์ไม่ทนต่อการทุจริตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ (จังหวัดมหาสารคาม) ซึ่งจัดโดยสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 กรมประชาสัมพันธ์ โครงการดังกล่าวได้รับเกียรติจาก ดร.พรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น กรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการฯ พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อ บทบาท ภารกิจกรมประชาสัมพันธ์ในการสร้างการรับรู้ นโยบายสำคัญรัฐบาลและการป้องกันการทุจริตคอรัปชันโดยมีผู้นำชุมชน อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อสารมวลชนภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่อำเภอเมืองมหาสารคาม เข้าร่วมโครงการ จำนวน 30 คน
2.2 ในช่วงวันที่ 8 – 29 กรกฎาคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม ร่วมสนับสนุนบุคลากรเป็นวิทยากรในการอบรมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดมหาสารคาม โดยบรรยายความรู้ในหัวข้อ “โมเดล STRONG และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และหัวข้อ “วิศวกรรมพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อใช้ในการตรวจสอบโครงการก่อสร้างภาครัฐ” ตามโครงการปฏิบัติการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส ของชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดมหาสารคาม ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน ป.ป.ช. ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยมีเครือข่ายชมรม STRONG ในพื้นที่ 13 อำเภอ เข้าร่วมโครงการอำเภอละ 30 คน
3. การกำกับติดตามและให้คําปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในระดับพื้นที่ภายใต้ โครงการพัฒนาหลักสูตรและสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนการใช้หลักสูตรต้านทุจริตในสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม
โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 23 – 25 กรกฎาคม 2567 จำนวน 12 แห่ง ประกอบด้วย
1) โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม
2) โรงเรียนศรีสุขพิทยาคม
3) โรงเรียนมัธยมวัดกลางโกสุม
4) โรงเรียนวัดกลางโกสุม
5) โรงเรียนงัวบาวิทยาคม
6) โรงเรียนอนุบาลองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสง
7) วิทยาลัยการอาชีพพยัคฆภูมิพิสัย
8) วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอเชียอาคเนย์
9) โรงเรียนวัดป่านาเชือก
10) โรงเรียนเทศบาลนาเชือก
11) วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการมหาสารคาม
12) วิทยาลัยเทคนิควาปีปทุม
4. เรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณามีมติชี้มูลความผิด/ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม ขอแถลงข้อมูลเรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณามีมติชี้มูลความผิด/ให้ข้อกล่าวหาตกไป โดยมีเรื่องกล่าวหาที่มีมติ จำนวน 1 เรื่อง คือ กรณีกล่าวหานายมงคล อันปัญญา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ปลอมแปลงเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ไม่เป็นไปตามมติที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง ในการประชุมสมัยสามัญ สมัยที่ 4 เมื่อวันที่ 1 – 15 และ 21 – 26 สิงหาคม 2557
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ขององค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง มีรายการละเอียดโครงการไม่ตรงตามรายการที่ผ่านการพิจารณาของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง จำนวน 7 หมู่บ้าน จำนวน 12 โครงการ กล่าวคือเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ดำเนินโครงการ หรือขนาดปริมาณงานที่จะดำเนินการก่อสร้าง เช่น หมู่ที่ 3 บ้านท่าประทาย ในการประชุมพิจารณารางข้อบัญญัติ มีการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดความกว้างของถนน จากเดิม ถนน คสล. กว้าง 3 เมตร ขอเปลี่ยนแปลงเป็นกว้าง 4 เมตร แต่ในการจัดพิมพ์ข้อบัญญัติ กลับไม่มีการแก้ไขรายละเอียดดังกล่าว จึงทำให้ ถนน คสล. หมู่ที่ 3 ช่วงบ้านช่วงบ้านนางหนูหลอด ทองสุขา ถึง บ้านในนิยม ยังคง มีรายละเอียดถนนกว้าง 3 เมตร ดังเดิม
หรือ ในหมู่ที่ 5 ในการประชุม มีการเสนอให้ ตัด รายการที่ 2 ออก คือ (รายการค่าก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 5 ตั้งไว้ จำนวน 100,000 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 3.5 เมตร ยาว 55.00 เมตร หนา 0.15 เมตร หรือพื้นที่ คสล. ไม่น้อยกว่า 192.50 ตารางเมตร ตามแบบที่องค์การบริการส่วนตำบลเกิ้งกำหนด สถานที่ดำเนินการช่วงบริเวณโรงเรียนเกิ้งวิทยานุกูล ถึงบ้านนายสุทัศน์) โดยให้นำงบประมาณไปเพิ่ม ในรายการที่ 1 จากเดิมที่ตั้งไว้ 100,000 บาท เป็น 200,000 บาท (รายการค่าก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 5 สถานที่ดำเนินการช่วงบริเวณบ้านนายสมชาย วงศ์จันทร์ถึงบ้านนายบุญมาก)
แต่ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 หน้า 6/11 ยังปรากฏรายการค่าก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 5 ตั้งไว้ จำนวน 100,000 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 3.5 เมตร ยาว 55.00 เมตร หนา 0.15 เมตร หรือพื้นที่ คสล. ไม่น้อยกว่า 192.50 ตารางเมตร ตามแบบที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้งกำหนด สถานที่ดำเนินการช่วงบริเวณโรงเรียนเกิ้งวิทยานุกูล ถึงบ้านนายสุทัศน์ (โดยไม่มีการแก้ไข)
ทั้งนี้ ในโครงการจำนวน 12 โครงการที่มีปัญหาเกี่ยวกับรายละเอียดและสถานที่ดำเนินโครงการนั้น ปรากฏว่าในปี พ.ศ. 2558 ได้มีการจัดทำโครงการเพียง 1 โครงการ คือ โครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง (ส่วนการศึกษา) ซึ่งสร้างขึ้นในบริเวณดอนปู่ตาบ้านดินดำ ตรงข้ามหอพักของ นายจรินทร์ ชิณวงศ์ ตรงตามมติที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง ส่วนอีก 11 โครงการมิได้มีจัดทำเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอและเพื่อมิให้เกิดความเสียหาย จึงไม่มีการจัดทำโครงการ แต่ได้นำกลับเข้ามาพิจารณาและตราเป็นข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 และปี พ.ศ. 2560
โดยสาเหตุที่ทำให้รายละเอียดในข้อบัญญัติมีความผิดพลาดคลายเคลื่อนจากมติที่ประชุมสภาฯนั้น ปรากฎว่านางศมน วิชาโท หัวหน้าสำนักปลัด ได้ยอมรับว่า ตนเองเป็นผู้มีหน้าที่ในการจัดทำเอกสารข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2558 ซึ่งมีขั้นตอนในการจัดทำหลายขั้นตอน ทั้งการจัดพิมพ์ในโปรแกรมเวิร์ด และจัดทำในระบบ e-LAAS โดยต้องมีการพิมพ์ใหม่ทั้งหมด จึงเกิดความผิดพลาดในการแก้ไขข้อความไม่ครบถ้วนตรงตามมติที่ประชุมของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง โดยข้อความที่ไม่ถูกต้องตรงกัน เช่น สถานที่ดำเนินการ ขนาดถนนและปริมาณงานที่จะก่อสร้าง หรือมีการตกหล่นของข้อความ แต่ไม่มีผลกระทบกับจำนวนเงินงบประมาณแต่อย่างใด
ดังนั้น ข้อมูลร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2558 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้งนำเสนอต่อนายอำเภอเมืองมหาสารคามและได้รับความเห็นชอบจากนายอำเภอเมืองมหาสารคามและนายมงคล อันปัญญา นายกองค์การบริการส่วนตำบลเกิ้ง ได้ประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 นั้น จึงมีความคลายเคลื่อนรายละเอียด จำนวน 12 โครงการ
ดังนั้น จึงยังฟังไม่ได้ว่านายมงคล อันปัญญา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง มีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในการจัดพิมพ์หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขข้อความเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลเกิ้ง หรือมีเจตนาจะแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นในความบกพร่องผิดพลาดดังกล่าว และยังฟังไม่ได้ว่าเป็นความผิดทางปกครองฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
มติคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น
คณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ได้ประชุมปรึกษาและวินิจฉัยคดีจากการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวง เห็นว่ายังฟังไม่ได้ว่านายมงคล อันปัญญา นายกองค์การบริการส่วนตำบลเกิ้ง ผู้ถูกกล่าวหา กระทำความผิดตามที่กล่าวหา โดยไม่มีมูลความผิดทางอาญาและไม่มีมูลความผิดทางปกครอง จึงเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 45/2567 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 5 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ว่าจากการไต่สวนไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านายมงคล อันปัญญา ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป
จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน