Contrast
Font
9768f19377c38dc473219d095bb94e47.jpg

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ จำนวน 2 เรื่อง

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 705

19/09/2567

วันนี้ (19 กันยายน 2567) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 2 เรื่อง ดังนี้  

         เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายลิขิต สิริมณีรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กับพวก เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างก่อสร้างในโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลบางละมุง รวมจำนวน 109,800 บาท

      ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 เทศบาลตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้มีประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลบางละมุง ครั้งที่ 2 ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก่อนที่จะมีการยื่นเอกสารการประมูล นางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง เจ้าหน้าที่พัสดุ 6ว. ได้แจ้งกับกรรมการบริษัทที่จะยื่นประมูลว่าหากต้องการจะได้งานโครงการดังกล่าว ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ บริษัทที่จะยื่นประมูลเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งจึงโอนเงินให้กับนางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 จำนวน 20,000 บาทต่อมาในระหว่างที่บริษัทดังกล่าวได้เข้าเป็นคู่สัญญาและดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้น นางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ได้เรียกรับเงินอีกครั้ง โดยแจ้งว่าจะนำเงินไปให้นายลิขิต สิริมณีรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบางละมุง เพื่อเป็นค่าดูแลและอำนวยความสะดวกในการทำงาน บริษัทผู้รับจ้างจึงโอนเงินให้กับนางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง ในวันที่ 8 มีนาคม 2556 จำนวน 89,800 บาท และ นางณัฐนรี แก้วรุ่งเรือง  ได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวให้กับนายลิขิต สิริมณีรัตน์

    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

  1. การกระทำของนายลิขิต  สิริมณีรัตน์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิด
    ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 และมาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิด
    ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 แต่เนื่องจากนายลิขิต  สิริมณีรัตน์ ได้พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางละมุงแล้ว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยัง
    ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อีก

2. การกระทำของนางณัฐนรี  แก้วรุ่งเรือง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิด
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 และมาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

       ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98  แล้วแต่กรณีต่อไป

       เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น กับพวก เรียกรับเงินจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจำปี พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 จากพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง

     ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในการจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง ประจำปี พ.ศ. 2556 ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น ได้เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการอนุมัติจ่ายเงินดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ข้าราชการและพนักงานจ้างแต่ละรายมีสิทธิได้รับ โดยในวันที่ 30 กันยายน 2557 หลังจากที่ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ได้อนุมัติให้เบิกเงินและลงนามในเช็คสั่งจ่ายเงินโบนัสให้แก่เจ้าหน้าที่ จำนวน 21 ราย รวมเป็นเงิน 738,966 บาท แล้ว  เจ้าหน้าที่แต่ละรายได้นำเงินสด 5 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ได้รับ ไปมอบให้
นายมนัส วงษ์วอ นักวิชาการเงินและบัญชี เพื่อรวบรวมนำไปให้ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ซึ่งเงินที่นายมนัส วงษ์วอ รวบรวมได้เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 36,748.30 บาท

       สำหรับการจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจำปี พ.ศ. 2557 ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง ได้สั่งการให้นางจิณณพัต วรรณปะเข นักวิชาการจัดเก็บรายได้ เป็นผู้เก็บรวบรวมเงิน จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ข้าราชการและพนักงานจ้างแต่ละรายมีสิทธิได้รับ โดยในวันที่ 16 ตุลาคม 2557 หลังจากที่ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ได้อนุมัติให้เบิกเงินและลงนามในเช็คสั่งจ่ายเงินโบนัสให้แก่เจ้าหน้าที่ จำนวน 23 ราย รวมเป็นเงิน 946,102 บาท แล้ว ปรากฏว่ามีเงินโบนัสโอนเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่ไม่ครบจำนวนตามสิทธิที่ได้รับ เนื่องจากนายมนัส วงษ์วอ นักวิชาการเงินและบัญชี ได้หักเงินจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่เจ้าหน้าที่แต่ละรายมีสิทธิได้รับ เข้าบัญชีเงินฝากของนางจิณณพัต วรรณปะเข แต่ต่อมาในวันเดียวกันได้มีการนำเงินที่หักไว้โอนคืนเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่ครบตามจำนวน และให้เจ้าหน้าที่แต่ละรายนำเงินสดจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินโบนัสที่ได้รับไปมอบให้นายสำเภา สมชาติ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง และนางจิณณพัต วรรณปะเข เพื่อรวบรวมนำไปให้ร้อยตำรวจตรี เดชา ปะโปตินัง ซึ่งเงินที่บุคคลทั้งสองรวบรวมได้เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 94,610.20 บาท

    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

  1. การกระทำของร้อยตำรวจตรี เดชา  ปะโปตินัง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
  2. การกระทำของนายมนัส วงษ์วอ และนางจิณณพัต วรรณปะเข มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
  3. การกระทำของนายสำเภา สมชาติ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92  

     ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน  เพื่อดำเนินการทางวินัยและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

     จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

       

           *** การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด

          ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

 

Related