จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 3550
วันนี้ (20 กันยายน 2567) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 3 เรื่อง ดังนี้
เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายปกป้อง อุ่มอยู่ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง นำรถยนต์และเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยองไปใช้ขนของและช่วยตกแต่งบ้านพักส่วนตัวในเวลาราชการ และนำทรัพย์สินของทางราชการไปไว้ที่บ้านพักส่วนตัวโดยทุจริต
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในปี พ.ศ. 2562 ขณะที่นายปกป้อง อุ่มอยู่ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง ได้ใช้รถยนต์ของศูนย์วิจัยฯ ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน บฉ 209 ระยอง และยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ หมายเลขทะเบียน กต 5977 ระยอง ขนของไปที่บ้านพักส่วนตัวของตนที่กำลังก่อสร้าง และใช้ให้เจ้าหน้าที่และเด็กฝึกงานของศูนย์วิจัยฯ รวมประมาณ 10 – 11 คน ช่วยในการขนของ ขุดย้ายต้นไม้ของศูนย์วิจัยฯ จำนวน 2 ต้น รวมราคาประมาณ 4,000 บาท ไปปลูกที่บ้านพักส่วนตัว ตกแต่งหินประดับ ปลูกต้นไม้ตกแต่งสวน และเดินสายไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าสาธารณะเข้าสู่บ้านพักส่วนตัวในเวลาราชการ และใช้รถยนต์ของศูนย์วิจัยฯ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ หมายเลขทะเบียน ขค 2474 ระยอง ไปตรวจดูงานบ้านพักส่วนตัวเป็นประจำตั้งแต่เริ่มขึ้นโครงสร้างบ้านจนกระทั่งก่อสร้างตกแต่งเสร็จ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5 - 6 เดือน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายปกป้อง อุ่มอยู่ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 ทั้งนี้ ให้แจ้งกรมประมง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายกิจชัย กุลสัมฤทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัดอุทัยธานี ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนแผนพัฒนาท้องถิ่น กองพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กับพวก นำรถยนต์ส่วนกลางของราชการไปใช้ส่วนตัว และนำบัตรรับน้ำมันของทางราชการไปเติมรถยนต์ส่วนตัว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนพฤษภาคม 2562 ขณะที่นายกิจชัย กุลสัมฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัดอุทัยธานี ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนแผนพัฒนาท้องถิ่น กองพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้นำรถยนต์ส่วนกลาง หมายเลขทะเบียน ชร 9670 กรุงเทพมหานคร ไปใช้เสมือนเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่ง สำหรับเดินทางไป - กลับ ระหว่างบ้านและที่ทำงาน รวมทั้งมีการนำไปใช้หลังเวลาราชการและวันหยุด และนำไปจอดไว้ที่บ้านพัก โดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาตตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2545 และนำบัตรรับน้ำมันของทางราชการไปเติมรถยนต์ส่วนตัว หมายเลขทะเบียน 4ธ 8388 กรุงเทพมหานคร
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 ต่อไป
เรื่องที่ 3 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายจักราวุธ ยังสันเทียะ หรือนายไชยยันต์ เพทายไพรวัลย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ทุจริตเบิกจ่ายน้ำมันรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในปี พ.ศ. 2562 ขณะที่นายจักราวุธ ยังสันเทียะ หรือนายไชยยันต์ เพทายไพรวัลย์ ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม ได้นําใบแจ้งเติมน้ำมันที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาแขมทำความตกลงเครดิต (เงินเชื่อ) ไว้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด บริบูรณ์บริการ เพื่อใช้กับรถยนต์ส่วนกลาง จํานวน 26 ฉบับ ฉบับละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 13,000 บาท ไปใช้เติมรถยนต์ส่วนตัวของตนเอง ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน ขม 4364 นครราชสีมา และอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันและลงนามสั่งจ่ายเช็ค ทั้งที่รู้ว่าใบแจ้งเติมน้ำมันดังกล่าวนำไปเติมรถยนต์ส่วนตัวของตนเอง เป็นการฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 67 และข้อ 72
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายจักราวุธ ยังสันเทียะ หรือนายไชยยันต์ เพทายไพรวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 ทั้งนี้
ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง ต่อไป
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
*** การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด
ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด