จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 1165
ป.ป.ช. สนธิกำลังร่วม บก.ปปป. และ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ "เด็ดปีกขบวนการลักไก่ค่าเวนคืนที่ดินเชียงดาว" จับเจ้าหน้าที่สังกัดกรมทางหลวงเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดิน
วันที่ 20 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายวิวัฒน์ เจริญฉ่ำ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 ได้มอบหมายให้ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการ ปปป. พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รองผู้บังคับการ ปปป. และ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 บก.ปปป.
สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และนายสัญชาติ อุปนันชัย ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 5
ร่วมปฏิบัติการจับเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง จำนวน 2 ราย กรณีมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการขยายถนนหมายเลข 1359 อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ดังนี้
สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเบาะแสจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการขยายถนนหมายเลข 1359
อ.เชียงดาว โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการขยายถนนหมายเลข 1359 อ.เชียงดาว โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) ออกอุบายแจ้งค่าเวนคืนที่ดินเพียงในจำนวนต่ำเพียง 75% ของจำนวนเงินค่าเวนคืนที่ดินที่จะได้รับ และอ้างว่าจะช่วยเพิ่มค่าเวนคืนที่ดินให้ แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่ม ทั้งที่ผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินมีสิทธิได้รับค่าเวนคืนเต็มจำนวนตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินจำนวนหลายรายต้องยินยอมจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับการประเมินค่าเวนคืนที่ดินในอัตราที่ต่ำ และเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งเบาะแสเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. สืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและพบว่ากรณีดังกล่าวมีการกระทำอย่างเป็นประบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีการนัดหมายให้ผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินมารับเช็คค่าเวนคืนที่ดินที่แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 3 ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการดังกล่าวในพื้นที่อำเภอเชียงดาว เมื่อรับเช็คแล้วเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) ได้แจ้งให้นำเช็คไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากที่สถาบันการเงิน โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) คอยเฝ้าติดตามอยู่ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกรรม และให้ถอนเงินสดมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของสำนักงาน ป.ป.ช. บก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 รายดังกล่าวข้างต้น และได้เข้าจับกุมตัวที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้บุคคลตามหมายจับทราบ และดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2566 ในเบื้องต้นบุคคลตามหมายจับทั้งสองรายยังให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไปทำบันทึกการจับที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และส่งตัวให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอแจ้งให้ทราบว่า หากท่านพบเห็นการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 1205 เว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดทั่วประเทศ
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด”