Contrast
Font
71cdcd5cff1038d0f9997c9f6f7f1094.jpg

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่ำรวยผิดปกติ รวม 19,947,750 บาท ขอศาลสั่งให้ยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 167

25/04/2568

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่ำรวยผิดปกติ รวม 19,947,750 บาท ขอศาลสั่งให้ยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

     วันนี้ (25 เมษายน 2568) นายภูเทพ  ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (วาระปี 2554) และตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ มูลค่ารวม 19,947,750 บาท ซึ่งอยู่ในการถือครองของนางอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส นางสาวภณิดา สาระผล และนายภพพล สาระผล บุตร พร้อมกันนี้ได้ส่งอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน โดยมีทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ดังนี้

1. ทรัพย์สินในชื่อของนางอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส คือ เงินที่นำไปชำระค่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล   เกิน 7 คน ยี่ห้อ VOLKSWAGEN ทะเบียน ฮบ 22 กรุงเทพมหานคร (มูลค่า 3,280,000 บาท) จากบริษัทพรีเมี่ยม ออโต้ จำกัด จำนวน 1,430,000 บาท

2. ทรัพย์สินในชื่อของนางสาวภณิดา สาระผล บุตร ดังนี้

   2.1 เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสรงประภาดอนเมือง ประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชี นางสาวภณิดา  สาระผล จำนวน 3 รายการ รวมจำนวน 1,386,750 บาท

   2.2 เงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสรงประภา (ดอนเมือง)  ประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชี MISS PANIDA SARAPOL จำนวน 490,000 บาท

   2.3 เงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน           ประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชี นางสาวภณิดา สาระผล จำนวน 3 รายการ รวมจำนวน 2,261,000 บาท

     2.4 เงินที่นางสาวภณิดา สาระผล ได้มาจากการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 67350 ตำบลยายชา   อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 จำนวน 11,000,000 บาท

      สำหรับรายการที่ 2.4 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจพบพฤติการณ์การทำธุรกรรมของบุคคลใกล้ชิดของนายภูมิ สาระผล ที่มิใช่ญาติ โดยนำเงินสดไปซื้อแคชเชียร์เช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อชำระค่าซื้อที่ดินแปลงติดริมแม่น้ำนครชัยศรี โดยมีการระบุราคาตามสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นเงิน 3,500,000 บาท แต่ปรากฏเส้นทางการเงินว่ามีการนำเงินสดไปซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายผู้ขายที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ คือ แคชเชียร์ฉบับที่ 1 จำนวน 3,500,000 บาท และแคชเชียร์เช็คฉบับที่ 2 จำนวน 4,800,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 8,300,000 บาท โดยใช้ชื่อนางสาวภณิดา สาระผล เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และต่อมานางสาวภณิดาฯ ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้บุคคลอื่น  ในราคา 11,000,000 บาท 

    2.5 เงินดาวน์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น PRIUS ทะเบียน ฎช-599 กรุงเทพมหานคร ที่นางสาวภณิดา สาระผล ชำระด้วยเงินสด รวมจำนวน 880,000 บาท

3. ทรัพย์สินในชื่อของนายภพพล  สาระผล  บุตร  ดังนี้

      3.1 เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น ประเภทฝากประจำ ชื่อบัญชี นายภพพล  สาระผล จำนวน 500,000 บาท

       3.2 เงินที่นายภพพล  สาระผล นำไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 66960 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และโฉนดเลขที่ 170170 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน 2 แปลง   ราคาตามสัญญา 1,000,000 บาท

       3.3 เงินที่นายภพพล  สาระผล นำไปซื้อโฉนดเลขที่ 170171 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน 1 แปลง ราคาตามสัญญา 1,000,000 บาท

        สำหรับเงินที่นางอรอนงค์  สาระผล คู่สมรส นำไปชำระค่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน    ยี่ห้อ VOLKSWAGEN ทะเบียน ฮบ 22 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,850,000 บาท และเงินที่นำไปชำระค่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ JAGUAR ทะเบียน สม 1148 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,000,000 บาท เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงแหล่งที่มาได้ จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป

         คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ซึ่งอยู่ในการถือครองของนางอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส นางสาวภณิดา สาระผล บุตร และนายภพพล สาระผล บุตร เป็นเงินทั้งสิ้น 19,947,750 บาท  ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตามรายการทรัพย์สินดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 118 ต่อไป  หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.  มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้วแต่กรณี ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนพร้อมเอกสารหลักฐานให้สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว          

     จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

          .............................................................................

          การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด

     ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Related