Contrast
Font
cdf36c338e1e41a60e63d408fdc17f49.png

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ จำนวน 6 เรื่อง

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 72

15/08/2568

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ  รวมจำนวน 6 เรื่อง

    วันนี้ (15 สิงหาคม 2568) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวมจำนวน 6 เรื่อง ดังนี้  

    เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายวรพันธุ์  สุวรรณยุหะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นำเงินรายได้  ปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว

     ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังจากนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เข้าดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 จังหวัดตรังได้มีหนังสือที่ กค 0311.15/19572 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2558 แจ้งให้อำเภอวังวิเศษตรวจสอบการนำที่ราชพัสดุ (ที่ดินและอาคาร) ที่อยู่ในความครอบครองของอำเภอวังวิเศษ  ไปใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตหรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ นายอำเภอวังวิเศษ กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้จังหวัดตรังทราบ ทั้งที่พื้นที่ราชพัสดุซึ่งกรมธนารักษ์อนุญาตให้กรมการปกครองใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการอำเภอวังวิเศษ ที่ว่าการอำเภอ และบ้านพักราชการ บริเวณด้านข้างที่ว่าการอำเภอวังวิเศษ ติดกับบ้านพักนายอำเภอวังวิเศษ ยาวตลอดไปจดถนนเทศบาลตำบลวังวิเศษ  มีการปลูกเป็นสวนปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา โดยมิได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ และนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ ได้เข้าบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมันโดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลเก็บเกี่ยวและจำหน่ายผลผลิตปาล์มน้ำมันดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงเดือนธันวาคม 2560 รวมระยะเวลา 2 ปี มีรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการต่างๆ ของอำเภอวังวิเศษ ซึ่งนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เก็บไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงผู้เดียว ประมาณ 74,500 – 174,500 บาท

   คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ การกระทำของนายวรพันธุ์  สุวรรณยุหะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และ
ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

   ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98

    ทั้งนี้ ให้แจ้งจังหวัดตรัง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

    เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายประทุม  เกตุกิตติกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก ไปใช้ส่วนตัว และเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษารถยนต์คันดังกล่าวโดยมิชอบ

   ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ขณะที่นายประทุม เกตุกิตติกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตากได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก หมายเลขทะเบียน กค 3915 ตาก เดินทางไป - กลับระหว่างสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก กับบ้านพักที่อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ที่บ้านพักของตนเอง       

     ทั้งที่ สำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก มีสถานที่เก็บรักษารถยนต์ส่วนกลางที่มีความปลอดภัยเพียงพอ และไม่ปรากฏว่านายประทุม  เกตุกิตติกุล ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ให้นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน
ไปจัดเก็บที่อื่นได้ การที่นายประทุม  เกตุกิตติกุล ใช้รถยนต์ส่วนกลางโดยมิใช่เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงาน และอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 21 ครั้ง และค่าซ่อมบำรุงรักษา จำนวน 3 ครั้ง ให้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว เป็นเงินรวม 34,010 บาท จึงเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

   คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้การกระทำของนายประทุม  เกตุกิตติกุล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิด
ทางวินัยอย่างร้ายแรง

   ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98

    ทั้งนี้ ให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตาก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

    เรื่องที่ 3 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายเชลงศักดิ์ อนวัช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองเบน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก นำรถตู้ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบลหนองเบน ไปใช้ท่องเที่ยวส่วนตัวโดยมิชอบ

    ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2564 ขณะที่นายเชลงศักดิ์ อนวัช ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองเบน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้นำรถยนต์ตู้ส่วนกลางของเทศบาลตำบลหนองเบน หมายเลขทะเบียน นค 4127 นครสวรรค์ ไปท่องเที่ยวส่วนตัว โดยมีนายเสน่ห์ สันติสุข พนักงานขับรถยนต์ เป็นผู้ขับขี่ และเมื่อนำรถกลับมาถึงเทศบาลตำบลหนองเบนแล้ว ได้ตรวจสอบพบว่ามาตรวัด
ระยะทาง (เลขไมล์) ของรถมากกว่าเลขมาตรวัดระยะทางที่บันทึกไว้ในทะเบียนคุมการใช้รถ นายเสน่ห์ สันติสุข จึงให้เจ้าหน้าที่จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว โดยระบุว่านายเชลงศักดิ์ อนวัช เป็นผู้ขอใช้รถไปติดต่อราชการยังสถานที่ต่าง ๆ อันเป็นความเท็จ จำนวน 16 ฉบับ ให้นายเชลงศักดิ์ อนวัช ลงนามอนุญาตในใบขออนุญาตใช้รถรวมจำนวน 16 ฉบับ เพื่อนำข้อมูลไปลงในทะเบียนการใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว และเพื่อให้จำนวนเลขมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ในทะเบียนคุมการใช้รถตรงกับมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์)          ที่ปรากฏที่รถโดยนายเสน่ห์ สันติสุข เป็นผู้ลงลายมือชื่อในทะเบียนคุมการใช้รถทั้ง 16 รายการ

    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

  1. การกระทำของนายเชลงศักดิ์ อนวัช มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
  2. การกระทำของนายเสน่ห์ สันติสุข มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา
    มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

    ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี

    ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลหนองเบน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

    เรื่องที่ 4 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานางสาวพิมพ์พัชชา  หยิมการุณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว

    ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า หลังจากที่ผู้ขายได้ส่งมอบรถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น FORTUNER หมายเลขทะเบียน กว 1488 นนทบุรี ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี  ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัดได้จัดซื้อเพื่อใช้เป็นรถยนต์ส่วนกลางเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 แล้ว นางสาวพิมพ์พัชชา  หยิมการุณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด ได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้มีการติดตราเครื่องหมายและชื่อหน่วยงานไว้ที่ด้านข้างรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งในวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด จึงได้มีการดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2561 นางสาวพิมพ์พัชชา หยิมการุณ ได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวในลักษณะเสมือนเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่ง โดยสั่งการให้พนักงานขับรถยนต์นำรถยนต์ไปรับตนที่บ้านพักเพื่อเดินทางไปปฏิบัติงานที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด รวมทั้งนำรถยนต์ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตนเป็นประจำ เพื่อจะได้นำรถยนต์ไปใช้ทำธุระส่วนตัวในช่วงเวลาหลังเลิกงานและวันหยุดราชการ และยังมีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์คันดังกล่าวจากเงินงบประมาณของทางราชการ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2561 โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัดได้รับความเสียหาย

    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

การกระทำของนางสาวพิมพ์พัชชา  หยิมการุณ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92

    ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่

    ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลเมืองบางคูรัด (ยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด) ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

    เรื่องที่ 5 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายสิทธิรักษ์  อาจภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ นำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญไปใช้ส่วนตัวจนเกิดอุบัติเหตุเสียหาย และจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเบิกค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากทางราชการ

    ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสิทธิรักษ์  อาจภักดี ขณะดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน กค 8419 ศรีสะเกษ เป็นพาหนะเดินทางไปกลับระหว่างบ้านพักและสำนักงานในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถไปจอดเก็บไว้บริเวณริมถนนหน้าบ้านพักในเวลากลางคืน รวมทั้งยังได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวในการเดินทางไปร่วมงานสังคมต่าง ๆ โดยมีการเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการเป็นเงินจำนวนเดือนละ 4,000 – 5,000 บาท และในวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 23.00 น. นายสิทธิรักษ์  อาจภักดี ยังขับรถยนต์ส่วนกลาง
คันดังกล่าวไปชนเสาไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณหมู่ที่ 9 ตำบลขุนหาญ และได้จัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการขับรถยนต์ส่วนกลางไปประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยมีเจตนาเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ

    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

    การกระทำของนายสิทธิรักษ์ อาจภักดี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92

    ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี

    ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

    เรื่องที่ 6 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานายสาธิต  สุขจิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น

    ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2559 ขณะที่นายสาธิต สุขจิตร ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ได้นำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ หมายเลขทะเบียน กค 3476 ตาก ไปใช้งานโดยเป็นผู้ขับรถยนต์ด้วยตนเองหรือให้พนักงานจ้างทำหน้าที่ขับรถยนต์ให้ และได้ลงนามในใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว จำนวน 19 ครั้ง
รวมเป็นเงินจำนวน 37,522.25 บาท โดยไม่ปรากฏหลักฐานการขออนุญาตใช้รถและลงบันทึกข้อมูลการใช้งานรถยนต์ส่วนกลาง รวมทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้เพื่อปฏิบัติราชการในภารกิจใด

    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

    การกระทำของนายสาธิต  สุขจิตร มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 90/1

    ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่

     ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ  ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

     จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

        **การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด

    ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด**

Related