จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 72
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ รวมจำนวน 6 เรื่อง
วันนี้ (15 สิงหาคม 2568) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวมจำนวน 6 เรื่อง ดังนี้
เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นำเงินรายได้ ปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังจากนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เข้าดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 จังหวัดตรังได้มีหนังสือที่ กค 0311.15/19572 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2558 แจ้งให้อำเภอวังวิเศษตรวจสอบการนำที่ราชพัสดุ (ที่ดินและอาคาร) ที่อยู่ในความครอบครองของอำเภอวังวิเศษ ไปใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตหรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ นายอำเภอวังวิเศษ กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้จังหวัดตรังทราบ ทั้งที่พื้นที่ราชพัสดุซึ่งกรมธนารักษ์อนุญาตให้กรมการปกครองใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการอำเภอวังวิเศษ ที่ว่าการอำเภอ และบ้านพักราชการ บริเวณด้านข้างที่ว่าการอำเภอวังวิเศษ ติดกับบ้านพักนายอำเภอวังวิเศษ ยาวตลอดไปจดถนนเทศบาลตำบลวังวิเศษ มีการปลูกเป็นสวนปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา โดยมิได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ และนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ ได้เข้าบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมันโดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลเก็บเกี่ยวและจำหน่ายผลผลิตปาล์มน้ำมันดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงเดือนธันวาคม 2560 รวมระยะเวลา 2 ปี มีรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการต่างๆ ของอำเภอวังวิเศษ ซึ่งนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เก็บไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงผู้เดียว ประมาณ 74,500 – 174,500 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ การกระทำของนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และ
ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98
ทั้งนี้ ให้แจ้งจังหวัดตรัง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายประทุม เกตุกิตติกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก ไปใช้ส่วนตัว และเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษารถยนต์คันดังกล่าวโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ขณะที่นายประทุม เกตุกิตติกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตากได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก หมายเลขทะเบียน กค 3915 ตาก เดินทางไป - กลับระหว่างสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก กับบ้านพักที่อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ที่บ้านพักของตนเอง
ทั้งที่ สำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก มีสถานที่เก็บรักษารถยนต์ส่วนกลางที่มีความปลอดภัยเพียงพอ และไม่ปรากฏว่านายประทุม เกตุกิตติกุล ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ให้นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน
ไปจัดเก็บที่อื่นได้ การที่นายประทุม เกตุกิตติกุล ใช้รถยนต์ส่วนกลางโดยมิใช่เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงาน และอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 21 ครั้ง และค่าซ่อมบำรุงรักษา จำนวน 3 ครั้ง ให้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว เป็นเงินรวม 34,010 บาท จึงเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้การกระทำของนายประทุม เกตุกิตติกุล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิด
ทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98
ทั้งนี้ ให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตาก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
เรื่องที่ 3 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายเชลงศักดิ์ อนวัช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองเบน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก นำรถตู้ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบลหนองเบน ไปใช้ท่องเที่ยวส่วนตัวโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2564 ขณะที่นายเชลงศักดิ์ อนวัช ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองเบน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้นำรถยนต์ตู้ส่วนกลางของเทศบาลตำบลหนองเบน หมายเลขทะเบียน นค 4127 นครสวรรค์ ไปท่องเที่ยวส่วนตัว โดยมีนายเสน่ห์ สันติสุข พนักงานขับรถยนต์ เป็นผู้ขับขี่ และเมื่อนำรถกลับมาถึงเทศบาลตำบลหนองเบนแล้ว ได้ตรวจสอบพบว่ามาตรวัด
ระยะทาง (เลขไมล์) ของรถมากกว่าเลขมาตรวัดระยะทางที่บันทึกไว้ในทะเบียนคุมการใช้รถ นายเสน่ห์ สันติสุข จึงให้เจ้าหน้าที่จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว โดยระบุว่านายเชลงศักดิ์ อนวัช เป็นผู้ขอใช้รถไปติดต่อราชการยังสถานที่ต่าง ๆ อันเป็นความเท็จ จำนวน 16 ฉบับ ให้นายเชลงศักดิ์ อนวัช ลงนามอนุญาตในใบขออนุญาตใช้รถรวมจำนวน 16 ฉบับ เพื่อนำข้อมูลไปลงในทะเบียนการใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว และเพื่อให้จำนวนเลขมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ในทะเบียนคุมการใช้รถตรงกับมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ที่ปรากฏที่รถโดยนายเสน่ห์ สันติสุข เป็นผู้ลงลายมือชื่อในทะเบียนคุมการใช้รถทั้ง 16 รายการ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลหนองเบน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
เรื่องที่ 4 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานางสาวพิมพ์พัชชา หยิมการุณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า หลังจากที่ผู้ขายได้ส่งมอบรถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น FORTUNER หมายเลขทะเบียน กว 1488 นนทบุรี ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัดได้จัดซื้อเพื่อใช้เป็นรถยนต์ส่วนกลางเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 แล้ว นางสาวพิมพ์พัชชา หยิมการุณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด ได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้มีการติดตราเครื่องหมายและชื่อหน่วยงานไว้ที่ด้านข้างรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งในวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด จึงได้มีการดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2561 นางสาวพิมพ์พัชชา หยิมการุณ ได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวในลักษณะเสมือนเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่ง โดยสั่งการให้พนักงานขับรถยนต์นำรถยนต์ไปรับตนที่บ้านพักเพื่อเดินทางไปปฏิบัติงานที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด รวมทั้งนำรถยนต์ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตนเป็นประจำ เพื่อจะได้นำรถยนต์ไปใช้ทำธุระส่วนตัวในช่วงเวลาหลังเลิกงานและวันหยุดราชการ และยังมีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์คันดังกล่าวจากเงินงบประมาณของทางราชการ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2561 โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัดได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนางสาวพิมพ์พัชชา หยิมการุณ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลเมืองบางคูรัด (ยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด) ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
เรื่องที่ 5 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายสิทธิรักษ์ อาจภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ นำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญไปใช้ส่วนตัวจนเกิดอุบัติเหตุเสียหาย และจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเบิกค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากทางราชการ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสิทธิรักษ์ อาจภักดี ขณะดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน กค 8419 ศรีสะเกษ เป็นพาหนะเดินทางไปกลับระหว่างบ้านพักและสำนักงานในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถไปจอดเก็บไว้บริเวณริมถนนหน้าบ้านพักในเวลากลางคืน รวมทั้งยังได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวในการเดินทางไปร่วมงานสังคมต่าง ๆ โดยมีการเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการเป็นเงินจำนวนเดือนละ 4,000 – 5,000 บาท และในวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 23.00 น. นายสิทธิรักษ์ อาจภักดี ยังขับรถยนต์ส่วนกลาง
คันดังกล่าวไปชนเสาไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณหมู่ที่ 9 ตำบลขุนหาญ และได้จัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการขับรถยนต์ส่วนกลางไปประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยมีเจตนาเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายสิทธิรักษ์ อาจภักดี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
เรื่องที่ 6 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานายสาธิต สุขจิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2559 ขณะที่นายสาธิต สุขจิตร ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ได้นำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ หมายเลขทะเบียน กค 3476 ตาก ไปใช้งานโดยเป็นผู้ขับรถยนต์ด้วยตนเองหรือให้พนักงานจ้างทำหน้าที่ขับรถยนต์ให้ และได้ลงนามในใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว จำนวน 19 ครั้ง
รวมเป็นเงินจำนวน 37,522.25 บาท โดยไม่ปรากฏหลักฐานการขออนุญาตใช้รถและลงบันทึกข้อมูลการใช้งานรถยนต์ส่วนกลาง รวมทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้เพื่อปฏิบัติราชการในภารกิจใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายสาธิต สุขจิตร มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 90/1
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่
ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
**การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด
ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด**