จากไชต์: สำนัก มาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม
จำนวนผู้เข้าชม: 49
มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ
ที่มาและความสำคัญ
รัฐบาลได้มีนโยบายเร่งด่วนที่จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง แต่ปัจจุบันกลับปรากฏว่าได้มีผู้กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงขอกลับเข้ารับราชการ เพราะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ดังนั้น เพื่อให้นโยบายดังกล่าวของรัฐบาลมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จึงมีมติให้ส่วนราชการใช้ความระมัดระวังในการพิจารณารับบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการแล้วกลับเข้ารับราชการอีก เนื่องจากการได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไว้ข้างต้นนั้น ล้างแต่เฉพาะโทษเท่านั้น แต่หาได้ล้างพฤติกรรมการกระทำผิดวินัยด้วยไม่ แม้ว่าผู้นั้นจะได้รับการล้างมลทินแล้วก็ตาม แต่พฤติกรรมการกระทำผิดวินัยนั้นก็อาจเป็นการบกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม อันเป็นกรณีที่มีลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 36 ข.(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก็ได้
อย่างไรก็ดี มติของ ก.พ. ดังกล่าวมีผลแต่เพียงข้าราชการพลเรือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เท่านั้น ยังมิได้มีผลถึงข้าราชการประเภทอื่น เช่น ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ดังนั้น จึงเห็นควรว่าให้นำมติ ก.พ. ดังกล่าวข้างต้น มาพัฒนาเป็นนโยบายเชิงมาตรการให้ใช้ครอบคลุมถึงเจ้าพนักงานของรัฐ หรือขยายมาตรการดังกล่าวให้เสริมและเกื้อกูลยุทธศาสตร์การป้องกันการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช.
ข้อเสนอแนะ
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ กอปรกับอาศัยอำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ หน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงเห็นควรเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ เพื่อเป็นมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเข้มงวด ตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ดังนี้
เนื่องจากมีผู้กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงขอกลับเข้ารับราชการหรือขอกลับเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐ เพราะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ. 2550 ซึ่งการได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ล้างเฉพาะโทษเท่านั้น หาได้ล้างพฤติกรรมการกระทำผิดวินัยด้วยไม่ ดังนั้นแม้ว่าผู้นั้นจะได้รับการล้างมลทินแล้วก็ตาม แต่พฤติกรรมการกระทำผิดวินัยนั้นก็อาจเป็นการบกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม อันเป็นกรณีที่มีลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 36 ข. (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก็ได้
คณะรัฐมนตรีควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำบทบัญญัติของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเป็นบรรทัดฐานเพื่อแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐ โดยให้มีข้อกำหนดว่า เจ้าพนักงานของรัฐที่เคยถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือออกจากการทำงานในหน่วยงานของรัฐเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ อันเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการขอกลับเข้ารับราชการหรือกลับเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐ และมิให้พิจารณารับบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการหรือบรรจุเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐโดยเด็ดขาด และกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจในการใช้ดุลพินิจรับบรรจุเจ้าพนักงานของรัฐกลับเข้าสู่ระบบราชการหรือหน่วยงานของรัฐ กรณีรับผู้ที่เคยกระทำการทุจริตต่อหน้าที่กลับเข้ารับราชการหรือกลับเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ครอบคลุมหน่วยงานของรัฐทุกประเภท และให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีควรสั่งการหรือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของเจ้าพนักงานของรัฐ โดยให้ใช้มติของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1011/ว 16 ลงวันที่ 23 กันยายน 2556 เรื่อง การบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ เพื่อขยายไปยังตำแหน่งเจ้าพนักงานของรัฐให้เป็นแนวทางปฏิบัติและต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณารับบรรจุผู้ซึ่งเคยออกจากราชการหรือออกจากการทำงานในหน่วยงานของรัฐเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่แล้วขอกลับเข้ารับราชการหรือขอกลับเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐอีก
ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนหรือแนวทางการดำเนินการตามมาตรการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณา โดยให้สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามมาตรการฯ ดังกล่าว ต่อสำนักงาน ป.ป.ช เป็นประจำทุกปี หรือตามระยะเวลาที่เห็นสมควร