จากไชต์: สำนัก มาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม
จำนวนผู้เข้าชม: 547
วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ : 22 กันยายน 2563
ที่มาและความสำคัญ
ด้วยคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้จัดทำรำยำนเรื่อง “แนวทำงและหลักเกณฑ์การบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ กรณีศึกษาปัญหาอุปสรรคจากโครงการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้า” และได้ส่งรายงานเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาการละเว้นและการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย โดยรายงานฉบับดังกล่าว ได้ระบุถึงปัญาารไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งในส่วนของธุรกิจเอกชนและรัฐวิสาหกิจ กรณีการพาดสายและหรือติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้า ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งส่วนหนึ่งอำจเกิดจากการที่ กฟน. และ กฟภ. ไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายหรือกฎระเบียบที่มีอย่างจริงจัง รวมทั้งปล่อยปละละเลย ให้มีการกระทำความผิดเพิ่มขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง เช่น กรณีพบผู้กระทำละเมิดลักพาดสายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่ กฟน. และ กฟภ.ไม่ได้ดำเนินการถึงขั้นรื้อถอนสายที่ละเมิดออกจากเสาไฟฟ้าหรือดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำละเมิดแต่อย่างใด การพาดสายสื่อสารไม่มีการรวบรัดสายให้เป็นระเบียบ ไม่มีการคัดแยกสายที่พาดโดยไม่ได้รับอนุญาตออกจากสายที่ได้รับอนุญาตหรือทำตามระเบียบของการไฟฟ้า ปล่อยให้ผู้ประกอบการใช้สายที่ไม่มีแถบสีตามที่กำหนด หรือนำสายสื่อสารสำรองที่เหลือใช้ม้วนเป็นวงกลมแขวนทิ้งไว้บนเสาไฟฟ้า หรือปล่อยทิ้งสายที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เช่น สายที่ชำรุด เสื่อมสภาพ หรือลูกค้ายกเลิกใช้บริการ ทิ้งค้างปะปนกับ สายที่ใช้งานบนเสาของการไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีการรื้อถอน เป็นต้น
สภาพปัญหาดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพรวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชน ตลอดจนก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของประเทศเป็นอย่างมาก และยังสะท้อนให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการทุจริต กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลย ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่กระทำการ ฝ่าฝืนกฎหมายได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเสนอข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์ โทรคมนาคมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ต่อคณะรัฐมนตรี
ข้อเสนอแนะ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดังเช่นการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วในซอยพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม) เขตพญาไท ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน กสทช. ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าของการไฟฟ้าสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังถือเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันปัญหาการทุจริต กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลย ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย
ดังนั้น จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ดังนี้
รัฐบาลควรกำหนดนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเห็นควรให้มีการนำกรณีการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ในซอยพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม) เขตพญาไท มาเป็นต้นแบบในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการข้อมูล และจัดทำแผนการจัดระเบียบสายสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หน่วยงานเจ้าของพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งในส่วนของรัฐวิสาหกิจและธุรกิจเอกชน เพื่อให้การดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มติคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
