จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 255
สำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม สำนักงาน ป.ป.ช. ประชุมหารือร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการป้องกันการทุจริตเงินอุดหนุน อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบการจัดสรรและการนำเงินอุดหนุนไปใช้ โดยมีนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) เป็นประธานการประชุม
ที่ประชุมประกอบด้วยผู้แทนจาก 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กลุ่มตรวจสอบภายใน กระทรวงศึกษาธิการ (ตสน.ศธ.) สมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) ผู้แทนผู้บริหารโรงเรียนเอกชน และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนที่ปฏิบัติงานด้านเงินอุดหนุนการศึกษาเอกชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าร่วมประชุมหารือ
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดำเนินการ ให้การอุดหนุนและจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนแก่โรงเรียนเอกชน รวมถึงการกำกับ ดูแล ให้โรงเรียนใช้จ่ายเงินให้ตรงตามระเบียบ และประกาศของเงินอุดหนุนแต่ละรายการ โดยได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนเพื่อการศึกษา จำนวน 14 รายการ ยกตัวอย่างเช่น เงินอุดหนุนรายบุคคล เงินอุดหนุนเรียนฟรี 15 ปี (ค่าหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) เงินอุดหนุนค่าอาหารเสริม (นม) และเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียน เป็นต้น
ปัจจุบันโรงเรียนเอกชนในการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนที่รับเงินอุดหนุน แบ่งเป็นโรงเรียนเอกชนส่วนกลาง จำนวน 437 โรง โรงเรียนเอกชนส่วนภูมิภาค จำนวน 3,006 โรง รวมทั้งสิ้น 3,443 โรง โดยมีจำนวนนักเรียนที่รับเงินอุดหนุนทั้งหมด 1,841,084 คน ซึ่งโรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่ดำเนินการใช้จ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ยังมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนของโรงเรียนเอกชนอยู่ อันเนื่องมาจากปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการตรวจติดตามเงินอุดหนุน ได้แก่ ปัญหาด้านบุคลากรไม่เพียงพอ ขาดความรู้ในเรื่องกฎหมายและระเบียบในการตรวจ ปัญหาจากการขาดความตระหนักรู้ของเจ้าหน้าที่โรงเรียน ที่ใช้จ่ายเงินไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ ปัญหาจากช่องว่างในการประสานงานหรือการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาการขาดแคลนเทคโนโลยี ปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินการตรวจติดตามขาดมาตรการที่ชัดเจนสำหรับผู้ปฏิบัติ และปัญหาเชิงระบบของการอุดหนุน เป็นต้น
ทั้งนี้ สำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม ได้เน้นย้ำให้มีการดำเนินการตาม มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตงบประมาณงบเงินอุดหนุนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 และข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 รวมถึงแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียน