จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 3205
ตอนที่ 1 ที่มาของ “กฎหมายป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก (Anti-SLAPP Law)”
(ร่าง) พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... เป็นการเสนอให้มีกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับปรับปรุง) ในกิจกรรมปฏิรูปที่ 2 การพัฒนาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและระบบคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้กำหนดให้มี “กฎหมายเพื่อป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก (Anti-SLAPP Law)” และสอดคล้องกับมาตรา 63 ประกอบมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
โดยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการ (ร่าง) พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยกำหนดเพิ่มเติมมาตรการหรือกลไกในการป้องกันการฟ้องปิดปากเพื่อให้เป็นไปตามหลักการที่มีใน(ร่าง) พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ และได้มีการนำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นแล้ว
----------------------------
ตอนที่ 2 หลักการสำคัญของ “กฎหมายป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก (Anti-SLAPP Law)”
เมื่อกล่าวถึงกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-Strategic Lawsuit Against Public Participation Law หรือ Anti-SLAPP Law) มีหลักการเป็นการกำหนดให้รัฐมีมาตรการคุ้มครองบุคคลที่ออกมาเปิดโปงหรือแสดงความเห็นโดยสุจริต และต่อมาบุคคลดังกล่าวถูกฟ้องคดีปิดปากในลักษณะที่เป็นการคุกคามโดยใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือด้วยวิธีการฟ้องคดี เพื่อยับยั้ง ข่มขู่ ประชาชนที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการปกป้องผลประโยชน์ของสาธารณะหรือการใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยผู้ฟ้องคดีไม่ได้มุ่งหวังในผลแพ้ชนะของคดีแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อข่มขู่ กลั่นแกล้ง หรือขัดขวางประชาชนที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการร้องเรียน แสดงความคิดเห็น หรือแจ้งเบาะแส เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสาธารณะ โดยกลไกหลักที่เป็นเครื่องมือเพื่อป้องกันการฟ้องคดีปิดปากคือ “การยุติคดี” ประเภทนี้โดยรวดเร็วตั้งแต่ในชั้นเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรม ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีปิดปากไม่ต้องเสียเวลารวมถึงทรัพยากรต่าง ๆ ไปจำนวนมากในระหว่างการต่อสู้คดี เพื่อเป็นการลดความเสียหายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกฟ้องคดีปิดปาก
----------------------------
ตอนที่ 3 ลักษณะของการดำเนินคดีหรือการฟ้องคดีปิดปาก
(1) เป็นการดำเนินคดีหรือการฟ้องคดีซึ่งมีสาเหตุอันเนื่องมาจากกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้แสดงความคิดเห็น ให้ถ้อยคำ แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล จัดทำคำร้องหรือคำกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ หรือเพื่อระงับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกป้องประโยชน์สาธารณะโดยสุจริต และ
(2) เป็นการดำเนินคดีหรือการฟ้องคดีอันมีลักษณะของการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลั่นแกล้ง หรือเอาเปรียบผู้ถูกฟ้องคดี หรือโดยมุ่งหวังผลอย่างอื่นยิ่งกว่าประโยชน์ที่พึงได้โดยชอบ หรือเพื่อใช้ในการข่มขู่ ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น การต่อรองหรือยุติการดำเนินคดี
----------------------------
ตอนที่ 4 บทบาทของ “คณะกรรมการ ป.ป.ช.” ต่อ “กฎหมายเพื่อป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก (Anti-SLAPP Law)”
“คณะกรรมการ ป.ป.ช.” ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจหลักในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เข้ามามีบทบาทโดย
1) กลไกทางกฎหมายได้กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถพิจารณามีความเห็นว่าบุคคลใดสมควรได้รับความคุ้มครองและช่วยเหลือในกรณีที่ถูกฟ้องคดี ถูกร้องทุกข์ ถูกกล่าวโทษ หรือถูกดำเนินการทางวินัยสืบเนื่องมากจากการที่บุคคลดังกล่าวได้มาให้ถ้อยคำ แจ้งเบาะแส ข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็น โดยสุจริตเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
2) ประสานข้อมูลและการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือบุคคลผู้ถูกฟ้องคดีปิดปากเพื่อช่วยเหลือจากการถูกฟ้องคดีทั้งทางแพ่ง ทางอาญา รวมทั้งการถูกดำเนินการทางวินัย ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือในระหว่างที่ถูกดำเนินคดี การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเช่น ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างทนายความ ค่าฤชาธรรมเนียม การวางหลักประกัน เป็นต้น
----------------------------
ตอนที่ 5 ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ หากประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก (Anti-SLAPP Law)”
กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกลไกและมาตรการในการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือแก่ผู้ให้ถ้อยคำ แจ้งเบาะแส ข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็น ที่เกี่ยวกับการกระทำผิดที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และยังเป็นกลไกที่ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านหรือชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ และจะได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามกฎหมาย โดยจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อจากการถูกนำกระบวนการยุติธรรมมาใช้เป็นเครื่องมือโดยมิชอบด้วยวิธีการฟ้องคดีปิดปาก ไม่ว่าจะเป็นการถูกฟ้องคดีในทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง รวมถึงการดำเนินการทางวินัยและจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ หลักการของร่างกฎหมายดังกล่าว นอกจากสอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบแล้ว ยังสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 – 2565) แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562 – 2565) และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (UNCAC) อีกด้วย