Contrast
Font
dfa4e0441a8c6650ffa6f179a92845df.jpg

เกร็ดความรู้...สู้ทุจริต‼️ เรื่อง "กรณีศึกษาการทุจริต" ประจำวันที่ 3 5 7 กรกฎาคม 2566

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 1711

09/08/2566

"กระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้ต้องคุมขังหลบหนี"

จ่าสิบตำรวจ ก. ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรควบคุมผู้ต้องหา สภ.ต. ภ. ได้นำตัวผู้ต้องคุมขังรายหนึ่งซึ่งถูกคุมขังตามอำนาจศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 40,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายออกจากห้องควบคุม เพื่อให้ทำความสะอาดอาคารสถานีตำรวจภูธรตำบล ภ. โดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาแล้วปล่อยผู้ต้องคุมขังรายนี้ไว้ตามลำพัง ไม่ระมัดระวังควบคุมดูแลเพื่อป้องกันการหลบหนี เป็นเหตุให้ผู้ต้องคุมขังรายนี้หลบหนีไป

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

การกระทำของจ่าสิบตำรวจ ก. มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 204
----------

"ปลอมแปลงเอกสารและช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้รับโทษหรือรับโทษน้อยลง"

เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร ได้จับกุมนาย ว. ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติด นำส่งพันตำรวจตรี ก. ซึ่งทำหน้าที่ร้อยเวร ได้ปลอมเอกสารคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมผู้ต้องหา แล้วส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัด โดยไม่ผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น จนพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี การกระทำของพันตำรวจตรี ก. เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ราชการได้รับความเสียหาย และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ช่วยเหลือผู้ต้องหาให้ไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่กระทำการปลอมเอกสาร

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของพันตำรวจตรี ก. เป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 200
----------

"เรียกรับเงินเพื่อไม่นำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน"

จ่าสิบตำรวจ ก. และสิบตำรวจตรี ข. มีอำนาจหน้าที่สืบสวน จับกุมผู้กระทำความผิดกฎหมาย ได้ร่วมจับกุมนาย ค. พร้อมของกลางเป็นซีดีลามก และจ่าสิบตำรวจ ก. และสิบตำรวจตรี ข. ไม่นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนท้องที่ที่เกิดเหตุ แต่เรียกรับเงินจากผู้ต้องหา เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปดำเนินคดี และจะคืนของกลางให้ โดยนาย ค. ได้โทรหานางสาว จ. เพื่อขอยืมเงิน นางสาว จ. เมื่อทราบเรื่องได้ติดต่อกับ พันตำรวจตรี ธ. เพื่อร้องเรียน และวางแผนจับกุม โดยให้นางสาว จ. ขอต่อรองลดจำนวนเงินจากจ่าสิบตำรวจ ก. และสิบตำรวจตรี ข. ซึ่งทั้งสองยินยอม แต่มีเงื่อนไขต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีและให้เปลี่ยนตัวผู้ต้องหาเป็นบุคคลอื่นพร้อมลดจำนวนของกลาง หลังจากนางสาว จ. ส่งมอบเงิน จ่าสิบตำรวจ ก และสิบตำรวจตรี ข. ได้ปล่อยตัวนาย ค. พร้อมของกลางบางส่วน และนำตัวนาย ง. มาเปลี่ยนตัว ส่งพนักงานสอบสวนท้องที่ โดยขณะเดินทางจ่าสิบตำรวจ ก. และสิบตำรวจตรี ข. ถูกตำรวจเข้าตรวจค้นพบธนบัตรตามที่นางสาว จ. เข้าแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

การกระทำของจ่าสิบตำรวจ ก. และสิบตำรวจตรี ข. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2521 มาตรา 45 และมาตรา 61 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดวินัยตำรวจ พ.ศ. 2477 มาตรา 5 (12) และเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 200 ประกอบมาตรา 83

Related