Contrast
Font
b54cce9423af2860647626007bdf39c1.jpg

ป.ป.ช. ป้องกันสินบน ส่งเสริมการยกระดับคะแนน CPI

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 71

18/03/2568

ป.ป.ช. ป้องกันสินบน ส่งเสริมการยกระดับคะแนน CPI

ปัญหาสินบนเป็นหนึ่งในรูปแบบของการทุจริตที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างรุนแรง ในช่วงที่ผ่านมา องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ได้ประกาศดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจำปี 2567 ซึ่งประเทศไทยได้รับ 34 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก และอันดับที่ 5 ในกลุ่มอาเซียน แสดงให้เห็นว่ายังคงมีปัญหาด้านการคอร์รัปชันที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

จากข้อมูล CPI แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าจะมีบางแหล่งข้อมูลที่ให้คะแนนเพิ่มขึ้น เช่น Bertelsmann Stiftung Transformation Index (BF-TI) และ The Political and Economic Risk Consultancy (PERC) ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของภาครัฐในการบังคับใช้กฎหมายและปรับปรุงระบบราชการให้โปร่งใสขึ้น แต่ในทางกลับกันแหล่งข้อมูลอย่าง Economist Intelligence Unit Country Risk Ratings (EIU) และ IMD World Competitiveness Yearbook (IMD) ให้คะแนนลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าปัญหาสินบนและการคอร์รัปชันยังคงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและความเชื่อมั่นในภาครัฐ

รูปแบบของสินบนที่พบในประเทศไทย
สินบนมีหลายรูปแบบที่พบเห็นได้ในระบบราชการและภาคเอกชนของไทย ได้แก่:
“เงินแป๊ะเจี๊ยะ” ซึ่งมักใช้ในการให้สินบน ในวงการการศึกษา เช่น การให้เงินเพื่อฝากบุตรหลานเข้าโรงเรียนดังหรือได้เข้าเรียนในห้องเก่ง ห้องพิเศษ ดังเช่นที่ปรากฏตามหน้าข่าวในปัจจุบัน

“เงินใต้โต๊ะ” คือเงินที่แอบให้กันโดยมิชอบ โดยปกติจะให้กันใต้โต๊ะ ซึ่งเงินใต้โต๊ะเป็นเงินเพื่อจูงใจหรือตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการอนุมัติ อนุญาต หรือการเร่งรัดในการดำเนินงาน

“ส่วย” เกิดจากการสมัครใจตกลงกันระหว่างผู้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือบ้านเมือง เพื่อปล่อยให้ผู้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือได้รับความคุ้มครองหรือได้รับการอำนวยความสะดวก และส่วนใหญ่จะมีการกำหนดระยะ อย่างแน่นอน เช่น เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน เป็นต้น

“ค่าดำเนินการ” เป็นกรณีที่เป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดแก่เจ้าพนักงานของรัฐ เพื่อให้เจ้าพนักงานของรัฐดำเนินการในการปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นการเร่งรัดเจ้าพนักงานของรัฐดำเนินการในหน้าที่ ส่วนใหญ่มักปรากฏในกรณีเป็นการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานรัฐในการขออนุมัติ อนุญาต เพื่อเร่งรัดกระบวนการพิจารณาของเจ้าพนักงานของรัฐ หรือให้เจ้าพนักงานของรัฐใช้ดุลพินิจเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงการขอรับการบริการหรือการอำนวยความสะดวกจากหน่วยงานของรัฐด้วย

“ค่าอำนวยความสะดวก” คือค่าใช้จ่ายจำนวนเล็กน้อยที่จ่ายแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นการให้เพียงเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะดำเนินการตามกระบวนการ หรือเป็นการกระตุ้นให้ดำเนินการรวดเร็วขึ้น

“เงินทอน” เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกเงินส่วนต่างจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ได้ดำเนินการในการจัดสรรงบประมาณหรือสิทธิประโยชน์จากรัฐให้กับบุคคลใดหรือหน่วยงานใด เมื่อบุคคลใดหรือหน่วยงานใดได้รับงบประมาณจากรัฐไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนหรือเงินสนับสนุนก็จะต้องแบ่งส่วนที่ได้รับให้แก่เจ้าพนักงานของรัฐที่อนุมัติ อนุญาตหรือดำเนินการให้ซึ่งถือเป็นเงินทอน หรืออีกกรณีหนึ่ง คือ กรณีที่หน่วยงานของรัฐทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ขอรับเอาส่วนแบ่งจากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง กรณีเช่นนี้ก็จะใช้เรียกเป็น “เงินทอน” เช่นกัน คำว่า “เงินทอน” ในด้านของสินบนที่ปรากฏตามสื่อ เช่น กรณีเงินทอนวัด เงินทอนโครงการจัดซื้อ จัดจ้าง เป็นต้น

กรณีการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่งผลกระทบในหลายด้าน อาทิ บั่นทอนความเชื่อมั่น การทุจริตที่แพร่หลายทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจขาดความไว้วางใจในภาครัฐ ระบบราชการถูกมองว่าไม่มีความโปร่งใส และนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางสังคม การลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศลดลง เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายและความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มต้นทุนทางเศรษฐกิจ นักลงทุนต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจากการจ่ายสินบน ซึ่งเป็นภาระเพิ่มเติมที่ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กและกลางที่ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ที่ใช้วิธีการทุจริตเพื่อได้เปรียบ ลดประสิทธิภาพการบริหารภาครัฐ เมื่อสินบนเข้ามามีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจของภาครัฐ งบประมาณที่ควรนำไปใช้เพื่อพัฒนาประเทศกลับถูกใช้ไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ โครงการสาธารณะที่สำคัญอาจถูกดำเนินการโดยบริษัทที่ไม่ได้มีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงเพราะสามารถให้ผลประโยชน์ตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ ประเทศที่มีปัญหาสินบนรุนแรงมักถูกมองว่าไม่มีความโปร่งใสและไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลให้สูญเสียโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านการค้าและความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ทำลายหลักนิติธรรมและศีลธรรมในสังคม เมื่อสินบนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม ประชาชนอาจเริ่มมองว่าการทุจริตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สิ่งนี้ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการโกงและการละเมิดกฎหมาย ซึ่งในระยะยาวจะทำให้สังคมอ่อนแอและขาดความเป็นธรรม
สำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะที่องค์กรหลักในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ต้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อที่จะป้องกันและปราบปรามปัญหาสินบนรวมถึงส่งเสริมการยกระดับคะแนน CPI สำหรับในภารกิจด้านการป้องกันการทุจริต ประกอบด้วย 6 สำนักที่รับผิดชอบ ดังนี้
1. สำนักต้านทุจริตศึกษา มีการจัดทำและพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย รวมถึงหลักสูตรการอบรมพัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐ
2. สำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ดำเนินการเกี่ยวกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ของส่วนราชการในระดับกรม/นิติบุคคล ส่วนราชการระดับต่ำกว่ากรม รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนอื่น ๆ ที่สมัครใจ
3. สำนักพัฒนาและส่งเสริมธรรมาภิบาล ดำเนินการประสานและเชื่อมโยงข้อมูลกับภาคเอกชน เพื่อยกระดับคะแนน CPI โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติ ภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว การรณรงค์ส่งเสริมการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ รวมถึงการยกระดับผลการประเมิน ITA
4. สำนักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วม การส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ผ่านชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริต การพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการป้องกันการทุจริต
5. สำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์การทุจริต ดำเนินการศึกษาในประเด็นกรณีที่เห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการดำเนินการอย่างใดในหน่วยงานของรัฐ อันอาจนำไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริต ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 การดำเนินการของศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ (Corruption Deterrence Center : CDC)
6. สำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม ดำเนินการเสนอ ขับเคลื่อน และติดตามมาตรการ ข้อเสนอแนะ เพื่อป้องกันการทุจริต ตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

สำหรับมาตรการหรือแนวทางการดำเนินการ จะมุ่งเน้นการสื่อสารสร้างความเข้าใจในกลุ่มภาคเอกชน กลุ่มนักลงทุนและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อขออนุมัติ อนุญาต กับหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตก่อสร้าง การนำเข้าส่งออก การขนส่ง รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในเรื่องที่กระทบต่อสาธารณชนในวงกว้าง การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการดำเนินงานในการป้องกันและปราบปรามปัญหาสินบนรวมถึงส่งเสริมการยกระดับคะแนน CPI ของประเทศไทยต่อไป

นอกจากนั้น ในปัจจุบัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการกำหนดมาตรการและกลไกที่จำเป็นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการจัดทำระบบการแจ้งข้อมูล เบาะแส การกล่าวหาร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีกฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน การปกปิดข้อมูลผู้ให้ข้อมูล ผู้แจ้งเบาะแส รวมถึงมาตรการและแนวทางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้มีการสร้างเครือข่าย ในชื่อว่าชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริต ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั้งประเทศ โดยประชาชนหรือเครือข่าย สามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. ในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐ การแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสการทุจริตในทันที เมื่อพบเห็นการทุจริตหรือพฤติกรรมที่เสี่ยงให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ทั้งนี้ ในการดำเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาการทุจริต โดยเฉพาะในเรื่องสินบนรวมถึงยกระดับคะแนน CPI ของประเทศไทย เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นภาพลักษณ์ของประเทศเกี่ยวกับการทุจริตในมุมมองการรับรู้ของต่างประเทศ โดยในการแก้ไขปัญหาการทุจริต จะต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของรัฐบาลต้องแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยการสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริตร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาสินบนรวมถึงส่งเสริมการยกระดับคะแนน CPI ของประเทศไทยต่อไป

Related